จากกรณีที่มีมือปืน 4 คนบุกยึดเพิร์ล คอนติเนนทัล โฮเต็ล โรงแรมหรูระดับ 5 ดาวในเมืองกวาดาร์ แคว้นบาลูจิสถาน ภาคตะวันตกเฉียงใต้ของปากีสถาน แล้วยิงสังหารผู้คนไป 5 คน รวมเจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยบริเวณทางเข้าของตัวโรงแรม 1 ราย และเกิดการยิงปะทะต่อสู้กับเจ้าหน้าที่หลายชั่วโมง กระทั่งสงบลงเมื่อ 11 พ.ค. มือปืนทั้ง 3 ถูกยิงวิสามัญฯ และมีผู้บาดเจ็บอย่างน้อย 3 คน แต่ไม่มีแขกต่างชาติ หรือชาวจีน และพนักงานโรงแรมอยู่ข้างในเนื่องด้วยอยู่ในช่วงเดือนรอมฎอน หรืออพยพออกจากพื้นที่ก่อนแล้ว
ต่อมากองทัพปลดแอกบาลูจิสถาน (บีแอลเอ) แถลงผ่านทวิตเตอร์ออกมาแสดงความรับผิดชอบว่าเลือกพุ่งเป้าโจมตีชาวจีนและกลุ่มนักลงทุนต่างชาติ ซึ่งถูกมองว่าเป็นพวกกดขี่ เพราะเข้ามากอบโกยผลประโยชน์จากทรัพยากรธรรมชาติโดยที่ชาวบ้านไม่ได้รับส่วนแบ่งอย่างเป็นธรรม
เหตุโจมตีขั้นนองเลือดนี้เกิดขึ้นเป็นครั้งที่ 2 ในรอบสัปดาห์ หลังเกิดเหตุระเบิดฆ่าตัวตายจากกลุ่มกองกำลังตาลีบันที่มัสยิดของนิกายซูฟี ในเมืองละฮอร์ อีกหนึ่งสถานที่ท่องเที่ยวยอดนิยมและเก่าแก่ที่สุดของปากีสถาน คร่าชีวิตไม่น้อยกว่า 12 ศพ
ขณะที่นายกรัฐมนตรี อิมราน ข่าน แห่ง ปากีสถาน รวมถึงสถานทูตจีนในกรุงอิสลามาบัด ต่างออกมาประณามถึงเหตุโจมตีนี้ โดยนายกฯข่าน เผยว่า กลุ่มบีแอลเอพยายามก่อวินาศกรรมทำลายโครงการพัฒนาเศรษฐกิจและความมั่งคั่งของประเทศ ชาติ ส่วนสถานทูตจีนก็ชมเชยการปฏิบัติหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ ทั้งนี้ เมืองกวาดาร์ถือเป็นจุดยุทธศาสตร์เมืองท่าสำคัญออกสู่ทะเลอาหรับ ได้รับการพัฒนาตามแผนส่วนหนึ่งของระเบียงเศรษฐกิจจีน-ปากีสถาน (ซีพีอีซี) มูลค่า 60,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ จากโครงการ “หนึ่งแถบ หนึ่งเส้นทาง” (บีอาร์ไอ) ของจีน ที่ต้องการเชื่อมต่อกับมณฑลซินเจียง ฝั่งตะวันตกของจีน เพราะเข้าถึงตะวันออกกลางได้ตรงและปลอดภัยกว่าเส้นทางทะเลที่ปัจจุบันยังต้องผ่านช่องแคบมะละกา
...
วันเดียวกัน เจ้าหน้าที่ศรีลังกาเข้าจับกุมโมฮาเหม็ด อาลียาร์ วัย 60 ปี ผู้ก่อตั้งศูนย์ชี้นำเพื่ออิสลาม ซึ่งเชื่อว่ามีสายสัมพันธ์กับซาห์ราน ฮาชิม ผู้บงการการก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายที่โบสถ์กับโรงแรมในวันอีสเตอร์ เพราะคอยช่วยเหลือเรื่องการโอนเงิน และยังรู้เห็นการฝึกซ้อมของกลุ่มก่อเหตุระเบิดฆ่าตัวตายนี้ ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตกว่า 250 คน.