ภาพ : แพะรับบาปถูกนำมาเข้าพิธีบริเวณชานเมือง.
คอลัมน์ไทยรัฐซันเดย์สเปเชียลยังคงสรรหาเรื่องตำนานแปลกๆของสัตว์วิเศษมานำเสนอท่านผู้อ่านเช่นเคย ฉบับนี้ขอนำตำนานที่เกี่ยวข้องกับสัตว์ 4 เท้า 3 ชนิด มาให้อ่านกันครับ
แพะรับบาป (Scapegoat)
คำนี้ ที่จริงเป็นคำที่ได้ยินกันมานานและเข้าใจความหมายของมันเป็นอันดี นั่นคือ เป็นคำที่ใช้เรียกคนไม่ผิด แต่ดันถูกปรักปรำ ป้ายสีต้องรับกรรมจากสิ่งที่ตนไม่ได้กระทำซะงั้น แพะรับบาป ไม่ใช่คติของไทย แต่ทราบหรือไม่ว่า มันมาจากไหนล่ะ
ความเชื่อนี้มาจากพิธีลบบาปประจำปีของชาวฮีบรูโบราณครับ
พิธีนี้ทำกันช่วงวันสุกดิบก่อนปีใหม่ของชาวฮีบรู เพื่อความสบายใจในการเริ่มต้นปีของชุมชน พิธีเต็มนั้นจะใช้แพะสองตัว ตัวหนึ่งเอาไว้เป็น “แพะไถ่บาป” อีกตัวเป็น “แพะรับบาป” (มักเป็นแพะตัวผู้ เพราะถือว่าบาปเป็นของเพศชายตั้งแต่เริ่มต้น) แล้วก็จับสลากเอาว่า ตัวไหนจะรอด ตัวไหนจะร่วง
...
ตัวที่จะร่วงก็คือ แพะไถ่บาป แพะตัวไหนซวยสนิท โดนสลากนี้เข้า ก็จะโดนเชือดบูชายัญถวายพระเจ้าของชาวยิว เพื่อไถ่บาปของประชาชน ตัวที่ 2 อาจซวยน้อยกว่าหน่อย เพราะว่านักบวชก็จะทำพิธีแบบสัญลักษณ์ ย้ายบาปของคนอิสราเอลในชุมชนลงไปที่ตัวแพะแล้วนำมันออกไปชานเมือง จากนั้นคนในชุมชนก็จะล้อมวงออกปากด่าว่าและสาปแช่งอย่างรุนแรงว่าเป็นต้นเหตุแห่งบาปที่พวกเขาต้องรับ แต่ต้องไม่ตีมัน (หรืออย่างน้อยก็อย่าตีมันให้หนักนัก) มิฉะนั้นมันจะแบกบาปออกจากหมู่บ้านไม่ไหว
สุดท้ายหัวหน้านักบวชต้องประกาศสาปแช่งปิดท้าย ซึ่งจะเปลี่ยนถ่ายบาปของผู้คนในชุมชนไปที่ตัวแพะ และแล้วบรรดาลูกบ้านที่ชุมนุมกันอยู่ก็จะไล่มัน ใครหยิบฉวยหินก้อนเล็กๆได้ก็ขว้างปา ไล่ให้มันวิ่งหนีเตลิด แพะตัวนั้นก็จะออกไปอยู่ในป่า และกลับเข้ามาในหมู่บ้านไม่ได้อีก ว่ากันว่าพิธีกรรมในบางที่ แพะรับบาปจะถูกโยนลงหน้าผานอกเมืองเยรูซาเล็ม เพราะเชื่อว่าการเสียสละชีวิตแพะจะช่วยกำจัดบาปของชนในชาติได้
ในกรุงเอเธนส์โบราณก็เคยทำพิธีพิลึกคล้ายๆแบบนี้เช่นกัน ว่ากันว่าในช่วงเทศกาลทาร์เกเลีย มีชายน่าเกลียดสองคนถูกเลือกให้เป็นแพะรับบาป หลังจากรับประทานอาหารที่งานเลี้ยงแล้ว ทั้งคู่ก็ถูกพาไปตามถนน ผู้คนตามสองข้างทางก็พากันฟาดชายทั้งสองด้วยกิ่งไม้ ทั้งสองคนถูกพาออกไปนอกเมือง หรือไม่ก็ขว้างปาด้วยหินให้หนีออกจากเมือง พิธีกรรมนี้มีจุดประสงค์เพื่อปกป้องกรุงเอเธนส์จากอันตราย แต่ไม่รู้เหมือนกันนะครับว่า มันแก้ได้หรือเปล่า
แกะคริสโซมาลอส (Khrysomallos)
เจ้าแกะตัวนี้ก็ออกแนวจะเป็นชะตาเดียวกับแพะรับบาป ทั้งที่เป็นถึงแกะตัวผู้ที่มีขนสีทองและบินได้ในตำนานเทพเจ้ากรีกเลยทีเดียว
เอ่ยชื่อแล้วท่านผู้อ่านอาจไม่ร้องอ๋อ ทั้งที่หลายท่านก็รู้จักเรื่องของมันดี แกะตัวนี้ชื่อคริสโซมาลอส มันเกิดจากความรักของโพไซดอนเทพเจ้าแห่งท้องทะเลที่มีต่อธีโอฟาเน หญิงสาวชาวมนุษย์ผู้งดงาม แต่ความรักของเทพแห่งท้องสมุทรผู้ชอบของแปลก บวกกับความหวง ก็ทำให้โพไซดอนเปลี่ยนเธอเป็นแกะตัวเมีย และพระองค์เองแปลงเป็นแกะตัวผู้ก่อนจะมีสัมพันธ์สวาทกัน ผลพวงจากความรักของทั้งสองฝ่ายก็คือ เจ้าคริสโซมาลอสตัวนี้
...
ต่อมาเทพเจ้าก็นำมันไปไว้บนเขาโอลิมปัส ในคอกสัตว์ของเทพเจ้า และมันก็คงจะอยู่ดีมีสุขอย่างนั้นหากไม่เกิดเรื่องเสียก่อน เรื่องนี้เกี่ยวกับการผจญภัยของเจสันกับขนแกะทองคำไงครับ ขนแกะทองคำที่เจสันต้องแบกภารกิจไปขโมยมานั้น ก็คือขนของเจ้าคริสโซมาลอสนี่เอง
ผมขอข้ามเรื่องของนายเจสัน ไปเล่าเรื่องแกะคริสโซมาลอสที่ไปเกี่ยวพันกับพี่น้องสองคน เรื่องนี้เริ่มที่พระราชาอธามัสพระราชาของเมืองหนึ่งในแคว้นเธสสาลี พระองค์สมรสกับเนฟิลี เทวีแห่งเมฆ ต่อมาก็มีโอรสและธิดาอย่างละหนึ่งคือ ฟริกซัสและเฮลเล ต่อมาไม่นานอธามัสก็เกิดไปกุ๊กกิ๊กกับเจ้าหญิงไอโน ได้นางเป็นสนมลับอีกหนึ่งคน
เรื่องเป็นความลับอยู่ไม่นานเนฟิลีก็ล่วงรู้ เทวีโกรธมากจึงลอยหนีกลับคืนสู่ท้องฟ้า โดยยังคงส่องทิพยเนตรลงมาดูแลลูกทั้งสองอยู่เนืองๆ นางหวั่นเหลือเกินว่า สักวันความริษยาของเจ้าหญิงชาวมนุษย์อาจสร้างความเดือดร้อนให้แก่ลูกๆก็เป็นได้
และแล้วสิ่งที่หวั่นใจก็เป็นจริง เจ้าหญิงไอโนเกลียดเด็กทั้งสองถึงขนาดคิดกำจัด นางวางเล่ห์เพทุบายสั่งการลับให้บริวารตนเอาเมล็ดพันธุ์พืชไปอบไฟไม่ให้มันงอก ก่อนจะแจกจ่าย เมื่อถึงเวลาเพาะปลูก ผู้คนก็นำเมล็ดพันธุ์ของไอโนไปเพาะปลูก แน่นอนว่าผลก็คือไม่มีอะไรผลิขึ้นจากแผ่นดินเลย ท้องทุ่งว่างเปล่า กลายเป็นทุพภิกขภัยไปทั่วนคร แล้วเจ้าหญิงไอโนก็สวมรอยทูลยุยงสวามีว่า นี่ต้องเป็นความโกรธของเทพเจ้าแน่ๆ การแก้ไขเพียงทางเดียวคือ ต้องจัดการบูชายัญสองพี่น้องเพื่อบรรเทาพิโรธของเทพเจ้า อธามัสก็หลงเชื่อซะด้วยสิ
ฟริกซัสและเฮลเลร้องขอให้พระมารดามาช่วย ทิพยญาณของเทวีเนฟิลีก็รับรู้ นางเข้าเฝ้ามหาเทพซูส เทพบดีจึงส่งแกะทองคำคริสโซมาลอสบินลงมาจากโอลิมปัสไปยังลานพิธี รับเอาตัวฟริกซัสและเฮลเลขึ้นหลัง แล้วเหาะหนีจากการทารุณกรรมของแม่เลี้ยง
...
คริสโซมาลอสบินตั้งแต่กรีซไปจนถึงฝั่งทะเลอูซีน (ทะเลดำในปัจจุบัน) แต่เมื่อผ่านช่องแคบที่เรียกว่า ดาร์ดาแนล ซึ่งแยกทวีปยุโรปออกจากเอเชีย เจ้าหญิงน้อยเฮลเลหมดแรงขยุ้มขนแกะทรงตัว เธอตกลงไปในทะเลเสียชีวิต (ช่องแคบนี้เลยชื่อ เฮลเลสพอนท์ - Hellespont เพื่อเป็นที่ระลึกแก่เฮลเล) อุบัติเหตุทำให้ฟริกซัสชักไม่มั่นใจ เขาขอให้แกะลงพื้น แล้วเดินเท้าต่อไปกับแกะวิเศษจนถึงป่าศักดิ์สิทธิ์ของเทพมาร์ส ที่เมืองโคลชีสตั้งอยู่ (ปัจจุบันคือทางใต้ของรัสเซีย) แล้วก็ฆ่าแกะคริสโซมาลอสบูชายัญ (คืน) แด่ซูส ฟริกซัสถลกหนังแกะแล้วเข้าเฝ้าพระราชาเออิทิสแห่งโคลชีสทูลเรื่องราวก่อนถวายขนแกะทองคำเป็นบรรณาการ พระราชาแห่งโคลชีสนำขนแกะไปแขวนไว้ชายป่าละเมาะอันศักดิ์สิทธิ์ มีมังกรผู้ไม่เคยหลับเฝ้าอยู่ ต่อมาฟริกซัสได้อภิเษกกับพระธิดาขององค์กษัตริย์แล้วอยู่ที่นั่นอย่างมีความสุข
ผมอ่านเรื่องนี้ทีไรแปลกใจทุกที ทำไมแกะทองคำบินมาช่วยได้ ไหงไม่บินกลับคืนสวรรค์ซะเลย ปล่อยให้เขาฆ่า โดยนัยว่าใช้งานแล้วต้องฆ่าเพื่อส่งคืนเทพเจ้าซะงั้น หรือว่าถ้าไม่ฆ่าก็ไม่มีเรื่องให้เจสันผจญภัยต่อ อืม...สงสัยน่าจะเป็นอย่างหลังละครับท่านผู้อ่าน
...
หมูป่าคาลิโดเนีย (Calydonian Boar)
คาลิโดเนียเป็นหมูป่าขนาดยักษ์ ขนแข็งดำมะเมื่อม ซ้ำขนที่สันหลังยังเป็นสันแหลม เขี้ยวขาวยาวขวิดทีเดียวก็หมายถึงความตาย เจ้าหมูป่าตัวนี้ ปรากฏอยู่ในเรื่องของเจ้าแม่อาร์เทมิส เทวีแห่งดวงจันทร์ และการล่า (ภาคโรมัน คือเทวีไดอานา)
เรื่องเล่ากันว่า คราวหนึ่งที่เมืองคาลีดอนในเทศกาลฉลองการเก็บเกี่ยว เอเนอัสราชาเมืองนั้นลืม ถวายผลิตผลแรกผลิแก่เทวีอาร์เทมิส ทั้งที่เคยทำมา ทุกปี องค์เทวีอาร์เทมิสเดือดดาลก็เลยส่งหมูขนาดยักษ์เข้าไปทำลายพืชพันธุ์ทั้งหลายจนเสียหายราบเป็นหน้ากลอง ไม่มีใครกล้าสู้กับมันแม้แต่คนเดียว ต่างคนต้องหนีตายเข้าไปในกำแพงเมือง
ราชาเอเนอัสเรียกระดมพรานผู้เก่งกาจจากทั่วกรีซให้มาช่วยฆ่าหมู สัญญาจะให้เขี้ยวกับหนังของมันเป็นรางวัลแก่ผู้ปราบลงได้ มีพรานฝีมือฉกาจสมัครเข้ามามากมาย ในจำนวนนั้นมีลีอาเจอร์โอรสของ พระองค์เองและอตาแลนตาพรานสาวที่เก่งกล้าและว่องไวที่สุด ต้องบอกเสียหน่อยว่า อตาแลนตาเป็นคนรักของมีลีอาเจอร์ด้วย...ทั้งที่เขาก็มีเมียแล้ว
ขบวนล่าแยกย้ายกันไล่ตามหมูป่าโดยมีลีอาเจอร์เป็นผู้นำ ในที่สุดก็เจอตัวหมูยักษ์ อตาแลนตาน้าวศรยิงเข้าเป้าก่อนใคร หมูยักษ์บาดเจ็บจนเลือดหยาด มีลีอาเจอร์เข้าซ้ำจนมันตาย แม้เขาจะเป็นคนทำให้หมูป่าสิ้นชีพแต่ด้วยความยุติธรรมก็อาจกล่าวได้ว่าอตาแลนตาเป็นคนแรกที่ทำให้หมูเลือดตก และบวกด้วยความรักที่มีต่ออตาแลนตา มีลีอาเจอร์ก็ถือว่ารางวัลแห่งการล่านั้นควรเป็นของอตาแลนตา
แต่ปรากฏว่าพรานกลุ่มที่เหลือโกรธที่เจ้าชายมีลีอาเจอร์ยกรางวัลให้ผู้หญิง!
ความไม่พอใจของเหล่าพราน ยังไม่เท่าน้าชายซึ่งอยู่ในขบวนล่าหมูด้วยกัน พวกเขาถือว่าเป็นพระญาติ จึงออกปากคัดค้าน แต่เจ้าชายไม่ยอม ยังคงยืนยันว่าหนังหมูต้องเป็นรางวัลแก่อตาแลนตา เรื่องเลยลุกลามใหญ่โต กลายเป็นลงไม้ลงมือ สุดท้ายมีลีอาเจอร์ก็พลั้งมือฆ่าพวกน้าชาย
เมื่ออัลธีอา แม่ของมีลีอาเจอร์รับรู้ข่าวการตายของน้องชายด้วยมือของลูกชายตน นางก็โกรธจนระงับไม่อยู่ จึงไปคว้าฟืนแห่งชะตากรรมของมีลีอาเจอร์ ที่นางซ่อนไว้ตั้งแต่เขายังเล็กๆมาเผา ฟืนท่อนนี้เทพีแห่งชะตากรรมเคยทำนายไว้ว่า หากมันไหม้หมดเมื่อใดมีลีอาเจอร์ก็ตายเมื่อนั้น
ชะตากรรมทำงานอย่างตรงไปตรงมา ไม้ฟืนไหม้หมด มีลีอาเจอร์ก็ล้มลงตายตามคำทำนาย อตาแลนตารู้เรื่องก็ฆ่าตัวตายตามเพราะความเสียใจที่เป็นต้นเหตุของเรื่องและเพราะความรักที่มีต่อมีลีอาเจอร์ เท่านั้นยังไม่พอ คลีโอพัตรา ชายาของมีลี-อาเจอร์ก็ฆ่าตัวตายเพราะความเศร้าที่เสียสามีไปอีกคน กลายเป็น 3 ศพ เพราะความขี้ลืมของราชาเอเนอัสแท้ๆที่ทำให้เกิดโศกนาฏกรรมขึ้นเสียอย่างนั้น.
โดย : คอสมอส
ทีมงานนิตยสารต่วย'ตูน