ถ้าพูดถึงจอมเผด็จการใจทมิฬ ชื่อของ “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” ผู้นำสูงสุดแห่งเยอรมนี จะต้องปรากฏมาเป็นอันดับต้นๆ เขาไม่เพียงแต่เป็นตัวการจุดชนวนสงครามโลกครั้งที่สองในทวีปยุโรป และเปลี่ยนสถานะเยอรมนีจากประเทศผู้แพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง มาเป็นมหาอำนาจโลก แต่ “ฮิตเลอร์” ยังเป็นตัวตั้งตัวตีฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ นำกองทัพนาซีเยอรมันไล่เข่นฆ่าสังหารโหดคนยิวไปถึง 6 ล้านคน จากจำนวนผู้บริสุทธิ์ที่ต้องสังเวยชีวิตให้กับความชิงชังของ “ฮิตเลอร์”

ไม่น้อยกว่า 11 ล้านคน

ความโหดเหี้ยมของ “ฮิตเลอร์” และกองทัพนาซี คือรอยด่างในประวัติศาสตร์เยอรมนี ที่ไม่มีวันลบทิ้งได้!! แม้กาลเวลาจะผ่านไปกว่า 8 ทศวรรษ แต่สำหรับคนยิวทั้งโลกไม่มีวันจะลืมปิศาจตนนี้เด็ดขาด

แม้ทุกวันนี้เยอรมนีจะเชิดหน้าชูตาในฐานะมหาอำนาจยุโรป แต่การกระทำอันน่าขยะแขยงของ “ฮิตเลอร์” ก็น่าจะเป็นบทเรียนเตือนใจชั้นดีมิให้คนเยอรมันรุ่นหลังก่อกรรมทำเข็ญกับชาวโลกอีก

“ฮิตเลอร์” โตมาท่ามกลางความกดดันและอาฆาตแค้น ในวัยเด็กเขามักถูกบิดาดุด่า และหนีออกจากบ้านหลายครั้ง ที่จริงเขาใฝ่ฝันอยากเป็นจิตรกรวาดภาพ แต่โดนบิดาบังคับให้เดินตามรอยรับราชการในสำนักงานศุลกากร ซึ่งสุดท้ายก็ไปไม่ถึงฝั่งฝัน

ความคลั่งไคล้ในลัทธิชาตินิยมของ “ฮิตเลอร์” ก่อตัวขึ้นแต่เยาว์วัย เขาแสดงความภักดีต่อเยอรมนี และแสดงความเหยียดหยามราชวงศ์ฮาพส์บวร์ค ซึ่งปกครองประเทศสเปนและออสเตรียมายาวนานกว่า 6 ศตวรรษ โดยขณะนั้นกำลังเสื่อมอำนาจถดถอยลงทุกที

หลังการเสียชีวิตของบิดา “ฮิตเลอร์” ทิ้งการเรียนทั้งหมด และไปอยู่กับป้าที่กรุงเวียนนา ประเทศออสเตรีย เพื่อมุ่งมั่นเป็นจิตรกร โดยระหว่างนั้นเขาต้องประทังชีวิตด้วยการวาดรูปสีน้ำขาย และรับจ้างทำงานทั่วไป กระทั่งมารดาเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง เขาก็ยังใช้ชีวิตระหก-ระเหินอยู่ในออสเตรีย บ้านเกิดของบิดาอีกหลายปี พร้อมซึมซับคติความเกลียดชังยิว ที่แพร่ระบาดไปทั่วกรุงเวียนนาในยุคนั้น ก่อนจะกลับมาเยอรมนีสมัครเข้าเป็นทหารรับใช้ชาติในปี 1914 เข้าร่วมรบเป็นแนวหน้าในสงครามโลกครั้งที่หนึ่ง เสี่ยงตายมาหลายสมรภูมิจนได้รับเหรียญกล้าหาญ และเลื่อนชั้นเป็นนายสิบ

...

กระนั้น การที่เยอรมนีแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง ได้สร้างความขมขื่นและอาฆาตแค้นให้ “ฮิตเลอร์” เป็นอย่างมาก นอกจากจะชิงชังผู้ชนะสงครามอย่างอังกฤษและฝรั่งเศส เขายังโกรธแค้นชาวยิวที่กุมอำนาจทางเศรษฐกิจในเยอรมนี และสนับสนุนลัทธิคอมมิวนิสต์ โดยปักใจเชื่อว่า ชาวยิวเป็นหนอนบ่อนไส้ทำให้กองทัพเยอรมันพ่ายแพ้สงครามโลกครั้งที่หนึ่ง

“ฮิตเลอร์” สร้างชื่อเสียงจากการเป็นนักพูดสะกดใจคน เขาปลุกระดมให้ประชาชนลุกฮือขึ้นกู้ชาติ เพื่อปลดแอกจากการกดขี่ของอังกฤษและฝรั่งเศส ความตกต่ำทางเศรษฐกิจครั้งใหญ่ของเยอรมนี ทำให้พรรคนาซีกลายเป็นความหวังใหม่ของประชาชน เมื่อเถลิงอำนาจได้อย่างเต็มที่ สถาปนาตัวเองขึ้นเป็นผู้นำสูงสุดของประเทศได้สำเร็จ การชำระแค้นครั้งใหญ่ของ “ฮิตเลอร์” ก็เริ่มขึ้น เขาไล่กำจัดศัตรูทางการเมือง ตามจับกุมและสังหารคู่อริทางการเมืองนับหมื่นคน จากนั้นจึงลงมือกวาดล้างชาวยิว!!

หลายคนสงสัยว่าทำไม “ฮิตเลอร์” ต้องฝังใจกับการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ยิว ถ้าย้อนกลับไปดูประวัติศาสตร์โลก กระแสเกลียดชังชาวยิวได้หยั่งรากลึกมาตั้งแต่สมัยคริสตกาล โดยชาวคริสต์ส่วนใหญ่เชื่อว่า ยิวคือตัวการทำให้พระเยซูถูกตรึงกางเขน ไม่ว่าชาวยิวจะอพยพไปอยู่ที่ไหน จึงมักโดนต่อต้านเสมอ การปลุกระดมความคิดเกลียดชังคนยิวไม่ใช่เรื่องยากในสมัยนั้น

ในทัศนะของ “ฮิตเลอร์” ไม่ได้มีแต่คนยิวที่ควรหายไปจากโลก แม้แต่พวกรักร่วมเพศ คนพิการ และจิตไม่ปกติ ผู้นำจอมเผด็จการก็เกลียดชังอยากฆ่าทิ้ง เพราะมโนไปว่าโลกนี้ควรค่าสำหรับชนชาติเยอรมันผู้สูงส่งเท่านั้น มีแต่ชนชาติเยอรมันที่มีคุณค่าความเป็นมนุษย์สูงสุด และเลือดเยอรมันจะปะปนกับชนชาติอื่นมิได้!!

ว่ากันว่าชีวิตเซ็กซ์ของ “ฮิตเลอร์” ซาดิสม์ไม่ต่างจากความคลั่งลัทธิ โดย “ซีไอเอ” ตีแผ่ไว้เมื่อปี 1942 ว่า “อดอล์ฟ ฮิตเลอร์” เป็นโฮโมเซ็กชวล เซ็กซ์จัด และชอบใช้ความรุนแรงทางเพศ.

“มิสแซฟไฟร์”