เปลี่ยนผ่านประเทศ...
เป็นเวลาใกล้เคียงกันทั้ง 2 ประเทศคือ ไทยและญี่ปุ่น มีการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญระดับยอด ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งอันเป็นสัญลักษณ์ของประชาชนทั้ง 2 ประเทศ
“ญี่ปุ่น” หลังจากมีการเปลี่ยนแปลงยุครัชสมัยจาก “เฮเซ” มา เป็น “เรวะ” เนื่องจากสมเด็จพระจักรพรรดิ “อากิฮิโตะ” ทรงประกาศสละราชสมบัติ เนื่องจากพระองค์ทรงเห็นว่ามีพระชนมายุมากแล้ว
ยุครัชสมัย “เรวะ” นั้นมีความหมายถึงความสงบสุขและปรองดอง
และมีพระบรมราโชวาทครั้งสุดท้ายใจความสั้นๆว่า “พระองค์ทรงปรารถนาให้ชาวญี่ปุ่นและคนทั้งโลกประสบความสงบสันติและเจริญรุ่งเรือง”
“ขอขอบใจอย่างสุดซึ้งที่ชาวญี่ปุ่นยอมรับเป็นสัญลักษณ์และให้การสนับสนุนพระองค์”
พร้อมกันนั้นได้ทรงแต่งตั้งพระราชโอรสมกุฎราชกุมาร “นารุฮิโตะ” ขึ้นเป็นสมเด็จพระจักรพรรดิสืบราชบัลลังก์ด้วยพระชนมายุ 59 พรรษา ซึ่งพระราชพิธีอันสำคัญได้ผ่านพ้นไปแล้ว
ในสิ่งที่เปลี่ยนผ่านนี้ประชาชนชาวญี่ปุ่นให้ความสนใจและพร้อมร่วมพิธีการด้วยความรู้สึกในฐานะพสกนิกรที่ปลาบปลื้มใจเป็นอย่างยิ่ง
พูดง่ายๆว่านอกจากให้ความเคารพศรัทธาแล้วยังยกย่องในสถาบันสูงสุดของเขาอันเป็นหนึ่งในหลักชัยของประเทศ
หลังเสร็จพระราชพิธีอันสำคัญในการขึ้นครองราชย์ สมเด็จพระจักรพรรดินารุฮิโตะทรงมีพระปฐมบรมราชโองการเป็นครั้งแรก
“จะปฏิบัติตนตามกรอบรัฐธรรมนูญ”
นั่นเป็นการเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของญี่ปุ่นอีกครั้งหนึ่งด้วยพระราชพิธีที่เป็นไปอย่างยิ่งใหญ่ สง่างามและเรียบง่าย
เช่นกันประเทศไทยก็อยู่ระหว่างการเปลี่ยนผ่านเช่นกัน หลังจากพระบาทสมเด็จพระปรมินทรมหาภูมิพลอดุลยเดช บรมนาถบพิตร (รัชกาลที่ 9) สวรรคต และได้สถาปนาองค์รัชทายาทขึ้นครองราชย์แทน
“สมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมหาวชิราลงกรณ บดินทรเทพยวรางกูร” (รัชกาลที่ 10)
ซึ่งในห้วงระหว่างวันที่ 4-5-6 พ.ค.62 จะมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษก 2562 ที่พสกนิกรชาวไทยรอคอยและเฝ้ารอดูพระราชพิธี สำคัญที่ยิ่งใหญ่ในประวัติศาสตร์ประเทศไทยอีกครั้งหนึ่ง
เท่าที่ดูการเตรียมการและแผนงานต่างๆ รวมถึงการซ้อมขบวนในหลายวาระนั้นล้วนมีความสวย สง่างาม
ซึ่งพระราชพิธีนั้นได้ดำเนินการยึดตามระเบียบแบบแผนราชประเพณีโบราณอย่างครบถ้วนทุกอย่าง
โบราณราชประเพณีนี้สืบทอดมายาวนาน เพื่อการเสด็จขึ้นครองราชย์โดยสมบูรณ์ของพระมหากษัตริย์ไทย ตามหลักฐานประวัติศาสตร์พระราชพิธีบรมราชาภิเษกในราชอาณาจักรไทยมีมาตั้งแต่สมัยสุโขทัย ผ่านกรุงศรีอยุธยาจนมาถึงสมัยกรุงรัตนโกสินทร์
ถือว่าเป็นปีที่สำคัญของประเทศไทยที่จะมีการ “ผลัดเปลี่ยนแผ่นดิน” ซึ่งมีพระราชพิธีบรมราชาภิเษกอย่างเป็นทางการนี้เชื่อว่าพสกนิกรชาวไทยทุกคนที่รอวันนี้มาจะได้ร่วมพระราชพิธีครั้งสำคัญ
เพื่อชื่นชมพระบารมีของพระองค์ท่านและแสดงความยินดีด้วยคาดหวังว่าจะทรงนำพาประเทศชาติให้เปลี่ยนผ่านไปสู่สิ่งที่ดีในอนาคตด้วยความสมานสามัคคีเป็นหนึ่งเดียว
เหนืออื่นใดสำหรับพสกนิกรของพระองค์ท่านนอกเหนือจากเข้าร่วมพิธีแล้ว ชาวคณะหนังสือพิมพ์ไทยรัฐจึงได้จัดทำฉบับพิเศษ “เถลิงราชสมบัติรัชกาลที่ 10” ฉบับประจำวันที่ 4 พ.ค.62
ทั้งนี้ จะนำเสนอเรื่องราวและประวัติความเป็นมา เหตุการณ์สำคัญของพระองค์ท่านอย่างพร้อมมูลรวมถึงไทยรัฐทีวี ช่อง 32 จะเสนอความพิเศษทางเทคโนโลยีที่น่าสนใจอีกด้วย
เพื่อร่วมเฉลิมฉลองพระมหากษัตริย์พระองค์ใหม่ของประเทศไทย.
“สายล่อฟ้า”