(ภาพจาก : REUTERS)
เจ็บหลายร้อย-วันอีสเตอร์ ตร.บุกจู่โจมจับ7ต้องสงสัย 1ในคนร้ายกดระเบิดฆ่าตัว!
ศรีลังกาสยองรับวันอีสเตอร์ เกิดเหตุระเบิดโบสถ์-โรงแรมรวม 7 แห่ง ทั้งในและนอกกรุงโคลัมโบ เมืองหลวง ส่งผลมีคนตายทันทีกว่า 200 ศพ บาดเจ็บจำนวนมาก เบื้องต้นรัฐบาลประกาศเคอร์ฟิวไว้ก่อน พร้อมวอนประชาชนร่วมเป็นน้ำหนึ่งใจเดียวกัน
ขณะเดียวกัน ยังไม่มีกลุ่มใดออกมารับผิดชอบ แต่เจ้าหน้าที่คาดเป็นระเบิดฆ่าตัวตาย หลังจาก ผบ.ตร.เคยเตือนมาก่อนให้ระวังกลุ่มหัวรุนแรง มีแผนวางระเบิดโจมตีโบสถ์ ด้านผู้นำนานาชาติร่วมประณามทันที ส่วนกระทรวงบัวแก้วยันเหตุระเบิดไม่กระทบคนไทย
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเมื่อวันอาทิตย์ 21 เม.ย.ว่ารัฐบาลศรีลังกาออกคำสั่งประกาศเคอร์ฟิวในบางพื้นที่ มีผลบังคับใช้ทันที หลังเกิดเหตุระเบิดอย่างน้อย 7 แห่ง แบ่งเป็นโบสถ์ชาวคริสต์ 3 แห่ง และโรงแรมอีก 4 แห่ง ในหลายพื้นที่เมื่อช่วงเช้าวันเดียวกัน ซึ่งเป็นวันอีสเตอร์ วันสำคัญของชาวคริสต์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตไม่ต่ำกว่า 140 ศพ ซึ่งในจำนวนนี้เป็นชาวต่างชาติ 35 คน ทั้งชาวอเมริกัน ชาวอังกฤษและชาวเนเธอร์แลนด์ มีผู้บาดเจ็บมากกว่า 400 ราย โดยตามรายงานข่าวระบุ จุดแรกๆที่มีรายงานว่าเกิดระเบิดคือที่โบสถ์เซนต์ แอนโธนี ในกรุงโคลัมโบ เมืองหลวงศรีลังกา กับโบสถ์เซนต์ เซบาสเตียน ที่เมืองกะตุวาพิติยา จังหวัดเนกอมโบ ทางเหนือของเมืองหลวง ซึ่งเป็นช่วงที่ชาวคริสต์กำลังประกอบพิธีทางศาสนาอยู่ในโบสถ์พอดี
ต่อมาไม่นาน ตำรวจยืนยันว่ามีเหตุระเบิดโรงแรมหรูในกรุงโคลัมโบ 3 แห่งด้วย ทั้งโรงแรมแชงกรี-ลา โรงแรมซินนามอน แกรนด์ ซึ่งตั้งอยู่ใกล้กับที่พำนักของนายกรัฐมนตรี มีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 1 คน และโรงแรมคิงส์เบอร์รี่ ตามด้วย โบสถ์ซิออน ที่เมืองบัตติคาโลอา ฝั่งตะวันออกของประเทศ จากนั้นทิ้งช่วงระยะหนึ่งก็เกิดเหตุระเบิดอีกที่โรงแรมแห่งหนึ่ง ย่านชานเมืองเดฮิวาลา ทางใต้ของกรุงโคลัมโบ หน้าสวนสัตว์แห่งชาติ มีผู้เสียชีวิตไม่น้อยกว่า 2 ราย ทางสวนสัตว์จึงปิดให้บริการทันที
...
หลังจากนั้นไม่นาน มีคลิปวิดีโอขณะเกิดเหตุแพร่ออกมาทางสื่อสังคมออนไลน์ ซึ่งเห็นได้ชัดว่าแรงระเบิดในแต่ละจุดสร้างความเสียหายหนัก ทั้งหลังคาโบสถ์แห่งหนึ่งพังเสียหายเกือบหมด บริเวณพื้นเต็มไปด้วยแผ่นกระเบื้องหลังคา เศษกระจกเศษไม้แหลกละเอียดและรอยเลือด ผู้บาดเจ็บหลายคนเนื้อตัวเต็มไปด้วยเลือด บางคนก็พยายามช่วยเหลือเหยื่อที่อาการสาหัสกว่า และมีชาวกรุงโคลัมโบออกมาต่อแถวกันมากมายเพื่อบริจาคเลือดช่วยเหลือผู้ได้รับบาดเจ็บ
ส่วนยอดผู้เสียชีวิตจากเหตุระเบิด ในกรุงโคลัมโบ เบื้องต้นมีไม่น้อยกว่า 45 ราย ที่เมืองเนกอมโบ 67 ราย และที่เมืองบัตติคาโลอา 27 ราย ซึ่งจนถึงขณะนี้ยังไม่มีฝ่ายใดออกมาแสดงความรับผิดชอบ ในเหตุโจมตีครั้งนองเลือดสุดนับแต่สิ้นสุดสงครามกลางเมืองเมื่อ 10 ปีก่อน แต่มีรายงานว่าเจ้าหน้าที่สันนิษฐานว่าระเบิดที่เกิดขึ้นครั้งนี้ อย่างน้อย 2 จุดต้องสงสัยว่ามาจากระเบิดฆ่าตัวตาย
ทั้งนี้ มีรายงานว่าเมื่อ 10 วันก่อน นายพูจิท จายาซันดารา ผู้บัญชาการตำรวจศรีลังกา ได้ออกเอกสาร แจ้งเตือนไปยังเจ้าหน้าที่ระดับสูง ให้ระมัดระวังเหตุระเบิดฆ่าตัวตายตามโบสถ์ชื่อดัง โดยหน่วยข่าวกรองต่างชาติแจ้งมาว่า กลุ่มเนชั่นแนล ธาวฮีท จามาอัธ หรือเอ็นทีเจ กลุ่มมุสลิมหัวรุนแรงในศรีลังกา ซึ่งเมื่อปีกลายบุกทำลายพระพุทธรูป ได้เตรียมวางแผนระเบิดฆ่าตัวตายโบสถ์ดังๆ รวมถึงจะประทุษร้ายข้าหลวงใหญ่อินเดียในกรุงโคลัมโบด้วย
ด้านประธานาธิบดี ไมตรีพาลา สิริเสนา แห่งศรีลังกา แถลงว่ารู้สึกตกใจกับเหตุระเบิดและวอนทุกฝ่ายอยู่ในความสงบ ส่วนนายมันกาลา สามาระวีรา รัฐมนตรีกระทรวงการคลัง ทวีตข้อความว่า เหตุโจมตีนี้สังหารผู้บริสุทธิ์จำนวนมาก และเห็นได้ว่ามีการประสานงานกันอย่างดี เพื่อให้เกิดเหตุ ฆาตกรรม ความโกลาหลและความวุ่นวาย
ขณะที่นายฮาร์ชา เดอ ซิลวา รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการต่างประเทศ เผยว่า นายกรัฐมนตรี รานิล วิกรมสิงเห และคณะรัฐมนตรี มีการเรียกประชุมฉุกเฉินทุกเหล่าทัพ รวมถึงหน่วยกู้ภัยเข้าปฏิบัติการความช่วยเหลืออย่างเต็มกำลัง ซึ่งช่วงที่นายเดอ ซิลวา ลงพื้นที่เกิดเหตุ เปิดเผยว่าเป็นภาพที่น่ากลัวมาก เพราะเห็นเศษชิ้นส่วนอวัยวะคนกระจายเกลื่อนไปทั่ว ส่วนนายกฯวิกรมสิงเห ได้ทวีตข้อความผ่านทวิตเตอร์ว่า เหตุโจมตีประชาชนของเราในวันนี้ เป็นเรื่องขี้ขลาด และขอให้ทุกคน รวมเป็นน้ำหนึ่ง ใจเดียวกันและเข้มแข็งไว้ โปรดเลี่ยงการนำเสนอข่าวที่ไม่ผ่านการตรวจสอบ ทางรัฐบาลจะรีบหาทางจัดการโดยเร็ว
ขณะเดียวกัน โรงเรียนทั่วประเทศประกาศปิดการเรียนการสอนไปจนถึงวันพุธที่ 24 เม.ย.ด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย เช่นเดียวกับเว็บไซต์สื่อของทางการศรีลังกา ได้ออกมาประกาศเตือนว่า ผู้โดยสารที่กำลังเดินทางออกจากท่าอากาศยานนานาชาติ บันดารานายาเก (บีไอเอ) ควรไปถึง สนามบินก่อนเวลาเครื่องออกอย่างน้อย 4 ชม. เพื่อความปลอดภัย ขณะที่สายการบิน ศรีลังกา แอร์ไลน์ส ซึ่งคอยดูแลภาคพื้นดินให้กับตัวแทนของทุกสายการบิน เสริมว่า เฉพาะผู้โดยสารที่ต้องเดินทางเท่านั้นที่ได้รับอนุญาตให้เข้าไปภายในอาคารผู้โดยสาร
ขณะที่ตลอดทั้งวัน มีเหล่าผู้นำประเทศ ออกมาแสดงความเสียใจต่อเหตุระเบิด อาทิ นายกรัฐมนตรีหญิง เทเรซา เมย์ แห่งอังกฤษ ได้ทวีตผ่านสื่อสังคมออนไลน์อย่างทวิตเตอร์ประณามเหตุโจมตีครั้งนี้ว่าน่ากลัวอย่างมาก และแสดงความเห็นอกเห็นใจอย่างสุดซึ้งต่อทุกคนที่ได้รับผลกระทบจากเหตุอันน่าสลดใจนี้ นอกจากนี้ยังมีผู้นำอีกหลายประเทศ อาทิ ประธานาธิบดี วลาดิเมียร์ ปูติน แห่งรัสเซีย, ประธานาธิบดี เรเซป ทายยิป เออร์โดกัน แห่งตุรกี, กระทรวงต่างประเทศปากีสถาน ได้ประกาศว่าพร้อมยืนเคียงข้างรัฐบาลศรีลังกา เพื่อร่วมต่อสู้กับกลุ่มก่อการร้ายสากล รวมถึงพระคาร์ดินัล มัลคอล์ม รันจิท อาร์บิชอปแห่งโคลัมโบ เรียกร้องให้รัฐบาลเร่งสอบสวน และนำตัวผู้กระทำความผิดในวันอีสเตอร์ มารับโทษ “อย่างไร้ความปรานี” เพราะมีเพียงสัตว์เดรัจฉานเท่านั้นที่มีนิสัยเช่นนี้ ทั้งนี้ วันอีสเตอร์ถือเป็นเทศกาลศักดิ์สิทธิ์ของชาวคริสต์ เพื่อระลึกถึงการฟื้นคืนพระชนม์ชีพของพระเยซูคริสต์
...
ต่อมาในช่วงค่ำ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเพิ่มเติมว่า นอกจากเกิดเหตุระเบิด 7 จุดแล้ว ยังเกิดระเบิดจุดที่ 8 แต่ครั้งนี้เกิดจากตำรวจได้นำกำลังไปล้อมจับคนร้าย ที่ห้องพักในอาคาร ที่ตั้งอยู่ในเขตเดมาตะโกดา ทางเหนือของกรุงโคลัมโบ แต่คนร้ายจุดชนวนระเบิดฆ่าตัวตาย ทำให้ตำรวจเสียชีวิตด้วย 3 นาย ขณะเดียวกัน มีรายงานว่า ขณะนี้ตำรวจทราบชื่อคนร้ายที่ก่อเหตุระเบิดที่โรงแรมชินนามอน แล้วคือ นายโมฮัมเหม็ด อัซซัม โมฮัมเหม็ด พร้อมระบุด้วยว่า คนร้ายก่อเหตุขณะยืนถือจานต่อแถวกับลูกค้าคนอื่นๆ เพื่อรอตักอาหารเช้าในส่วนที่เป็นห้องอาหารของโรงแรม และเมื่อถึงคิวรับอาหาร คนร้ายก็ได้กดชนวนระเบิดขึ้นขณะมีผู้คนอยู่เต็มห้องอาหาร
ด้าน รมว.กลาโหมของศรีลังกา เผยด้วยว่า เจ้าหน้าที่จับกุมผู้ต้องสงสัยพัวพันเหตุระเบิดหลายระลอกดังกล่าวได้แล้ว 7 คน แต่ไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆ พร้อมกันนี้ ยังปิดกั้นการเข้าถึงสื่อสังคมออนไลน์ชั่วคราว ขณะที่ยอดผู้เสียชีวิตทะลุไป 200 ศพ ผู้บาดเจ็บ 450 คน
ทั้งนี้ ตามข้อมูลสำมะโนประชากรศรีลังกาในปี 2555 ประชากรในศรีลังกามีทั้งสิ้นราว 22 ล้านคน ร้อยละ 70 นับถือศาสนาพุทธ อีกร้อยละ 12.6 นับถือศาสนาฮินดู ร้อยละ 9.7 นับถือศาสนาอิสลาม ร้อยละ 7.6 นับถือศาสนาคริสต์ และจากรายงานด้านสิทธิมนุษยชนเมื่อปีกลาย กระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เผยว่า ผู้ที่นับถือศาสนาคริสต์และตามโบสถ์ในศรีลังกาถูกกดดันให้เลิกทำกิจกรรมทางศาสนา หลังเจ้าหน้าที่จัดให้เป็น “การชุมนุมที่ไม่ได้รับอนุญาต” อีกทั้งพระสงฆ์มักจะพยายามปิดสถานประกอบพิธีกรรมทางศาสนาทั้งคริสต์และมุสลิม
นอกจากนี้ ตามข้อมูลของสมาพันธ์ศาสนาคริสต์นิกายโปเตสแตนต์แห่งชาติศรีลังกา (NCEASL) ตัวแทนโบสถ์และองค์กรชาวคริสต์อื่นในศรีลังกากว่า 200 แห่ง ระบุว่าเมื่อปีกลายเกิดเหตุเลือกปฏิบัติ ภัยคุกคามและความรุนแรงกับชาวคริสเตียนที่ตรวจสอบได้ 86 ครั้ง ส่วนปีนี้พบเหตุการณ์ลักษณะเดียวกันถึง 26 ครั้ง รวมถึงเหตุล่าสุดเมื่อวันที่ 25 มี.ค.ที่ผ่านมา ที่มีกลุ่มพระสงฆ์ถูกกล่าวหาว่าพยายามขัดขวางพิธีมิสซาของคริสต์ศาสนิกชนที่จัดเป็นประจำทุกวันอาทิตย์
...
วันเดียวกัน น.ส.บุษฎี สันติพิทักษ์ อธิบดีกรมสารนิเทศ และโฆษกกระทรวงการต่างประเทศ กล่าวถึงกรณีเหตุระเบิดที่โบสถ์และโรงแรมในประเทศศรีลังกาว่า กระทรวงการต่างประเทศได้รับรายงานจากสถานเอกอัครราชทูตไทยประจำกรุงโคลัมโบแล้ว และยังไม่มีรายงานคนไทยได้รับผลกระทบจากเหตุการณ์ดังกล่าว ขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังตรวจสอบสถานที่ต่างๆ จึงขอให้คนไทยในศรีลังกา หลีกเลี่ยงสถานที่ที่คนพลุกพล่าน กรณีฉุกเฉินติดต่อสถานทูตฯ ที่หมายเลขโทรศัพท์ +94773070748
ขณะที่ พ.ต.อ.กฤษณะ พัฒนเจริญ รอง โฆษกตร.กล่าวว่า พล.ต.อ.จักรทิพย์ ชัยจินดา ผบ.ตร.ขอแสดงความเสียใจต่อเหตุดังกล่าวพร้อมสั่งการให้ตำรวจทุกหน่วยงานเฝ้าติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด เพื่อป้องกันเหตุแทรกซ้อนในประเทศไทย โดยเฉพาะสถานเอกอัครราชทูตสาธารณรัฐสังคมนิยมประชาธิปไตยศรีลังกาประจำประเทศไทย