ประเทศญี่ปุ่นกำลังจะเกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ในรอบกว่า 30 ปี เมื่อมกุฎราชกุมารนารุฮิโตะ เสด็จขึ้นครองราชย์เป็นสมเด็จพระจักรพรรดิ์องค์ใหม่ในวันที่ 1 พฤษภาคมนี้ สืบต่อจากจักรพรรดิอากิฮิโตะ พระราชบิดา ที่จะทรงสละราชบัลลังก์ 1 วันก่อนหน้านั้น
หนึ่งในความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นคือ การเปลี่ยนชื่อของ รัชสมัย หรือในภาษาญี่ปุ่นเรียกว่า ‘เก็นโกะ’ ซึ่งมีการประกาศชื่ออย่างเป็นทางการออกมาเมื่อวันที่ 1 เมษายนที่ผ่านมาแล้วว่า รัชสมัยใหม่ที่กำลังจะมีถึงนี้จะมีชื่อว่า ‘เรวะ’ แต่ชื่อของรัชสมัย มีความสำคัญอย่างไร และส่งผลต่อญี่ปุ่นอย่างไรบ้าง
*ความหมายของ ‘เรวะ’
...
ชื่อ เรวะ ประกอบด้วยคำ 2 คำ คือ ‘เร’ กับ ‘วะ’ โดย เร มีความหมายว่า การควบคุมหรือความสงบเรียบร้อย และ เป็นมงคลหรือความดี ส่วน วะ มีความหมายว่า ความสามัคคี และเป็นส่วนหนึ่งในคำว่า ‘ความสงบสุข’ (เฮวะ) ในภาษาญี่ปุ่นด้วย โดยรัฐบาลระบุความหมายของคำว่า เรวะ อย่างเป็นทางการว่า ‘ความสามัคคีอันงดงาม’ (beautiful harmony)
*ชื่อรัชสมัยสำคัญอย่างไร?
ชื่อรัชสมัยถูกใช้ทั้งในเชิงปฏิบัติและเชิงปรัชญา โดยเก็นโกะจะปรากฏอยู่บนเหรียญ, หนังสือพิมพ์, ใบขับขี่ และเอกสารราชการต่างๆ เพื่อระบุช่วงเวลา นอกจากนี้ยังเป็นคำที่แสดงถึงจิตวิญญาณของยุคสมัย คล้ายการพูดว่า คนยุค 90 หรือยุควิคตอเรีย ของชาวตะวันตก สื่อถึงวัฒนธรรมและกิจกรรมต่างๆ ที่เกิดขึ้นในช่วงเวลานั้นๆ
ชื่อของรัชสมัยยังบ่งบอกถึงเป้าหมายและสถานการณ์ของประเทศในยุคนั้นๆ เช่นยุคสมัยปัจจุบันของจักรพรรดิอากิฮิโตะ มีชื่อรัชสมัยว่า ‘เฮเซ’ มีความหมายว่า ‘ความสงบสุขทั่วแผ่นดิน’ เริ่มต้นขึ้นในปี 2532 และจะสิ้นสุดลงพร้อมกับเดือนเมษายน ซึ่งนับเป็นปี เฮเซที่ 31 ตามปฏิทินเก็นโกะ ซึ่งชื่อของรัชสมัยนี้ถูกเลือกมาอย่างตั้งใจ เพื่อสะท้อนถึงความต้องการที่จะมีความสัมพันธ์อันดีทั้งในประเทศและกับต่างชาติ
รัชสมัยก่อนหน้านั้นคือยุค ‘โชวะ’ ของสมเด็จพระจักรพรรดิฮิโรฮิโตะ ซึ่งมีความหมายว่า ‘ความสามัคคีอันเรืองรอง’ (enlightened harmony) เพราะเป็นยุคที่ญี่ปุ่นอยู่ในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 กับช่วงการขยายตัวทางเศรษฐกิจหลังสงคราม เริ่มตั้งแต่ปี 2469 ถึงปี 2532 รวมระยะเวลาทั้งสิ้น 62 ปี ซึ่งนับเป็นรัชสมัยที่ยาวนานที่สุดในประวัติศาสตร์ประเทศ
ก่อนหน้านี้มีข่าวลือว่าชื่อของรัชสมัยใหม่ที่กำลังจะมาถึงจะมีชื่อว่า ‘อันคิว’ ซึ่งหมายถึงควาสงบสุขและความยั่งยืน แต่ทางการเก็บชื่อที่แท้จริงไว้เป็นความลับสุดยอด และยืนยันว่าจะตัดชื่อใดๆ ก็ตามที่สื่อรายงานออกจากตัวเลือกของพวกเขา
*ญี่ปุ่นเลือกชื่อรัชสมัยอย่างไร?
คณะรัฐมนตรีญี่ปุ่นจะเป็นผู้เลือกชื่อจากรายการที่เขียนโดยเหล่านักวิชาการ หลังจากผู้เชี่ยวชาญพิจารณาดูแล้วว่าชื่อใดมีความเหมาะสมที่สุด และเพื่อไม่ให้ชื่อรั่วไหลออกไปภายนอก มีรายงานด้วยว่า เจ้าหน้าที่ครม.ทุกคนต้องถูกริบโทรศัพท์และนาฬิกาอัจฉริยะก่อนเข้าร่วมประชุมทุกครั้ง และต้องอยู่ในห้องพิจารณาเลือกชื่อตลอดจนกว่าจะมีการประกาศอย่างเป็นทางการ
...
เมื่อเลือกชื่อได้แล้ว คณะรัฐมนตรีจะออกพระราชกฤษฎีกาเกี่ยวกับเรื่องนี้ ก่อนที่จักรพรรดิองค์ปัจจุบันจะทรงลงพระนามาภิไธย
ตามการเปิดเผยของนาย ชินโสะ อาเบะ นายกรัฐมนตรีญี่ปุ่น นี่นับเป็นครั้งแรกที่ชื่อของรัชสมัยไม่ได้ถูกนำมาจากกวีจีนในอดีต แต่ถูกนำมาจากกวีญี่ปุ่นโบราณยุคศตวรรษที่ 8 ที่เรียกว่า ‘มันโยชู’ (Manyoshu) ซึ่งนายอาเบะยกให้เป็นสัญลักษณ์ของวัฒนธรรมทางสังคมอันลึกซึ้งและประเพณีอันยาวนานของญี่ปุ่น
*ชื่อรัชสมัยกับพระนามจักรพรรดิ
ตามขนบธรรมเนียมของญี่ปุ่น ชาวแดนอาทิตย์อุทัยจะไม่เอ่ยพระนามจริงของสมเด็จพระจักรพรรดิ แต่จะกล่าวถึงโดยเรียกว่า สมเด็จพระจักรพรรดิ เท่านั้น ขณะที่ในงานเขียนจะมีคำกล่าวถึงพระองค์อย่างเป็นทางการว่า สมเด็จพระจักรพรรดิองค์ปัจจุบัน เมื่อสมเด็จพระจักรพรรดิเสด็จสวรรคต พระนามของพระองค์จะถูกเปลี่ยนไปตามชื่อรัชสมัยเช่น จักรพรรดิฮิโรฮิโตะ เปลี่ยนพระนามเป็น จักรพรรดิโชวะ เป็นต้น
...
*คนญี่ปุ่นชอบชื่อ เรวะ
ปัจจุบันจำนวนชาวญี่ปุ่นที่ใช้ปฏิทิน เก็นโกะ กำลังลดลงเรื่อยๆ เนื่องจากแดนอาทิตย์อุทัยเปิดรับอิทธิพลจากทั่วโลกเข้าประเทศเรื่อยๆ โดยตอนนี้มีคนญี่ปุ่นเพียง 1 ใน 3 เท่านั้นที่ใช้ระบบเก็นโกะเป็นหลัก ลดจากปี 2518 ที่มีจำนวนมากถึง 82% ขณะที่ชาวญี่ปุ่น 25% นิยมใช้ปฏิทินตะวันตกมากกว่า แต่ก็มีชาวญี่ปุ่นจำนวนไม่น้อยที่ใช้ปฏิทินทั้ง 2 แบบควบคู่กัน เพราะใช้การนับเดือนแบบตะวันตกเหมือนกัน
อย่างไรก็ตาม ผลการทำโพลสำรวจความคิดเห็นทั่วประเทศนาน 2 วันของรัฐบาลญี่ปุ่น พบว่า ผู้ร่วมสำรวจถึง 73.7% ชอบชื่อรัชสมัยใหม่นี้ ขณะที่ 15.7% ไม่ชอบ ขณะที่มีผู้เป็นด้วยเรื่องที่รัฐบาลหันไปใช้ชื่อจากกวีญี่ปุ่นแทนของจีนเกือบ 85% และทำให้คะแนนนิยมในรัฐบาลของนายอาเบะดีดขึ้นถึง 9.5% ไปอยู่ที่ 52.8% ด้วย
...
*Y2K ของญี่ปุ่น
การเปลี่ยนรัชสมัยของญี่ปุ่นจะทำให้บริษัทต่างๆ รวมทั้งหน่วยงานรัฐบาล ที่คอมพิวเตอร์ใช้ระบบปฏิทินแบบเก็นโกะ เผชิญปัญหาในลักษณะคล้ายกับเหตุการณ์ Y2K หรือการเปลี่ยนแปลงเข้าสู่ยุคปีค.ศ. 2000 ที่ปัญหาจะเกิดขึ้นเมื่ออุปกรณ์ต่างๆ ใช้งานจนถึงหลังเที่ยงคืนของวันที่ 31 ธันวาคม ค.ศ. 1999 และเข้าสู่วันที่ 1 มกราคม ค.ศ. 2000 แต่ระบบกลับเข้าใจว่าเป็น ค.ศ. 1900 ทำให้การทำงานของระบบผิดเพี้ยน
แต่การประกาศชื่อรัชสมัยใหม่ออกมาก่อนกำหนดราว 1 เดือน ทำให้เจ้าหน้าที่และผู้เกี่ยวข้องมีเวลาแก้ปัญหาได้ทัน ขณะที่สำนักข่าวนิเคอิ เผยว่า มีการซักซ้อมรับมือเรื่องการเปลี่ยนชื่ออย่างน้อย ปีละ 1 ครั้ง มาตลอด 30 ปี ดังนั้นเจ้าหน้าที่จึงมีความพร้อมตลอดเวลาที่จะต้อนรับ ‘วันนั้น’ ที่จะมาถึง