เมื่อ 3 เมษายน 2562 ศพของเอกอัครราชทูตวีรชัย พลาศรัย มาถึงประเทศไทยแล้ว หลังจากที่ทูตวีรชัยถึงแก่อนิจกรรมที่สหรัฐฯ ด้วยวัย 58 ปี เมื่อวันที่ 16 มีนาคมที่ผ่านมา ซึ่งถือเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของไทย เพราะทูตวีรชัยเป็นนักการทูตมากความสามารถ ผ่านการทำงานสำคัญๆ ของชาติ จนเป็นที่ยอมรับของคนไทยทั้งประเทศ
...
พิธีส่งศพเอกอัครราชทูตวีรชัย พลาศรัย กลับประเทศไทย ถูกจัดขึ้นอย่างสมเกียรติที่สนามบินนานาชาติดัลเลส รัฐเวอร์จิเนียของสหรัฐฯ เมื่อ2 เม.ย.62 ตามเวลาท้องถิ่น โดยมีนางอลิซาเบธ พลาศรัย ภริยา รวมทั้ง ข้าราชการจากประเทศไทย ผู้แทนจากกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ พร้อมทหารเกียรติยศจากกองทัพสหรัฐฯ ร่วมในพิธีส่งศพทูตวีรชัย พลาศรัย กลับมายังประเทศไทย
ทูตวีรชัย พลาศรัย เพิ่งเดินทางไปดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูตไทย ณ กรุงวอชิงตัน สหรัฐฯ โดยเมื่อปีที่แล้ว ทูตวีรชัยเพิ่งเข้าพบนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เพื่อยื่นพระราชสาส์นตราตั้งในการเป็นเอกอัครราชทูตผู้มีอำนาจเต็มในสหรัฐอเมริกา แต่ก็มีข่าวร้ายในเวลาต่อมาเมื่อทูตวีรชัยมีอาการป่วยเกี่ยวกับไขสันหลัง จนต้องเข้าโรงพยาบาลและถึงแก่อนิจกรรมในที่สุด
ชื่อของทูตวีรชัย พลาศรัยเป็นที่รู้จักจากการขึ้นหน้าหนึ่งหนังสือพิมพ์อย่างต่อเนื่อง ในฐานะหัวหน้าคณะต่อสู้คดีปราสาทพระวิหารเมื่อปี 2556 ที่ใช้ความสามารถทั้งทางรัฐศาสตร์และนิติศาสตร์ที่ทูตวีรชัยสั่งสมมาทั้งชีวิต จนเป็นที่ชื่นชมจากสังคมไทย
ทูตวีรชัยยังเป็นที่ยอมรับจากบรรดานักการทูต และได้รับความไว้วางใจให้ไปดำรงตำแหน่งสำคัญๆ ในกระทรวงการต่างประเทศ และเป็นเอกอัครราชทูตอีกหลายแห่ง
โดยในการดำรงตำแหน่งเอกอัครราชทูต ผู้แทนถาวรไทยประจำสหประชาชาติ สมัยรัฐบาลพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ทูตวีรชัยแสดงความสามารถทางการทูต พลิกสถานการณ์ที่ประเทศไทยกำลังถูกนานาชาติมองว่า มีรัฐบาลที่ไม่ได้มาจากกระบวนการประชาธิปไตย โดยดำเนินการทางการทูตขอแรงสนับสนุนจากมิตรประเทศ จนไทยได้รับตำแหน่งประธานกลุ่มประเทศกำลังพัฒนา หรือจี 77 วาระปี 2559
บทบาทในเวทีสหประชาชาติของทูตวีรชัย ยังตราตรึงใจคนทั้งประเทศ ด้วยการเป็นผู้แทนประเทศไทย กล่าวแสดงความอาลัยแด่ในหลวงรัชกาลที่ 9 ในที่ประชุมสมัชชาใหญ่แห่งสหประชาชาติ ณ นครนิวยอร์กของสหรัฐฯ ด้วยสุนทรพจน์ที่กินใจคนทั้งประเทศ
แต่ใครจะเชื่อว่านักการทูตผู้นี้จะมีความสามารถมากกว่างานด้านการต่างประเทศ ในความเป็นจริงทูตวีรชัย หรือที่หลายคนเรียกว่า “ทูตแสบ” ยังมีความรักในเสียงดนตรีตั้งแต่เด็ก โดยแม้จะไม่ได้เป็นนักดนตรีอาชีพตามที่ฝันไว้ แต่เขาก็นำดนตรีมาเป็นส่วนหนึ่งของงานการทูตได้อย่างไม่น่าเชื่อ ในฐานะสมาชิกวงยูเอ็นร็อก วงดนตรีที่รวมเอานักการทูตหลากหลายชาติที่ประจำองค์การสหประชาชาติมาเล่นดนตรี ซึ่งเพลงที่กำลังได้ยินอยู่นี้คือเพลง สตรอง ยูเอ็น เบทเทอร์ เวิลด์ ที่แต่งขึ้นในวาระครบรอบ 70 ปีองค์การสหประชาชาติ
...
วงดนตรียูเอ็น ร็อก ที่ทูตแสบร่วมเล่นกีตาร์ยังมีผลงาน แสดงคอนเสิร์ตให้กับองค์การสหประชาชาติในหลายโอกาส จนเป็นกิจกรรมอดิเรกของนักการทูตที่ได้รับการพูดถึงเป็นอย่างมาก
หัวใจของการเป็นนักดนตรียังทำให้ทูตวีรชัยตั้งวงดนตรีร่วมกับผู้ร่วมงานประจำสถานทูตต่างๆ ที่ไปปฏิบัติหน้าที่ และก็มีหลายครั้งที่ทูตแสบโชว์ลีลาร้องเพลงด้วยท่าทีที่ผ่อนคลาย
ความเป็นกันเอง ท่าทีที่เป็นมิตรแบบนักดนตรี ตลอดจนความสามารถทางการทูตจนได้รับการขนานนามว่าเป็นหัวกะทิคนหนึ่งของกระทรวงการต่างประเทศ ทำให้การถึงแก่อนิจกรรมของเอกอัครราชทูตวีรชัย พลาศรัย คือความสูญเสียครั้งใหญ่ของประเทศไทย