‘ออสซี’ ขวาจัด! บุกเดี่ยว-รัวยิง ทูตไทยรีบแจ้ง เตือนภัยสูงสุด

ช็อกโลก...กลุ่มมือปืนกราด ยิงมัสยิด 2 แห่งที่เมืองไครสต์เชิร์ชที่อยู่บนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เหยื่อกระสุนดับสยองกองระเนนระนาดในมัสยิด รวม 49 ศพ เจ็บ 48 คน มือปืนสุดทมิฬขณะปฏิบัติการกราดยิง ยังมีการแพร่ภาพสดผ่านเฟซบุ๊ก นายกรัฐมนตรีหญิงนิวซีแลนด์ ระบุเป็นเหตุก่อการร้ายและเป็นวันแห่งความเศร้าสลด โหดร้ายในนิวซีแลนด์ ต่อมาตำรวจจับกุมกลุ่มมือปืนสุดเหี้ยมได้ทันควันรวม 4 คน และ 1 ใน 4 มือปืนเป็นหนุ่มชาวออสซี มีประวัติเป็นพวกขวาจัด ชอบ ความรุนแรง ต่อต้านผู้อพยพ ควีนเอลิซาเบธแห่งอังกฤษส่งสาส์นแสดงความเสียพระทัยกับเหตุการณ์สะเทือน ขวัญของดินแดนเมฆขาว

นับเป็นเหตุการณ์ช็อกโลกอีกครั้ง กับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นในประเทศนิวซีแลนด์ที่ได้ชื่อว่าเป็นประเทศหนึ่งที่มีความสุขสงบและเต็มไปด้วยธรรมชาติอันสวยงาม ที่หลายคนขนานนามให้เป็น “ดินแดนแห่งเมฆขาว” เมื่อดินแดนแห่งนี้ต้องเผชิญเหตุก่อการร้ายรุนแรงที่สุดครั้งหนึ่งเมื่อวันศุกร์ 15 มี.ค.

ทั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศรายงานเหตุสะเทือนขวัญชาวนิวซีแลนด์ว่า ได้มีมือปืนบุกกราดยิงผู้คนที่มัสยิด 2 แห่งในพื้นที่เมืองไครสต์เชิร์ช เมืองเล็กๆบนเกาะใต้ของนิวซีแลนด์ เหตุรุนแรงเกิดขึ้นในช่วงการสวดมนต์ใหญ่ประจำสัปดาห์ของชาวมุสลิมในวันศุกร์ โดยมือปืนบุกไปกราดยิงผู้คนอย่างไม่เลือกหน้าภายในมัสยิดแห่งแรกคือ มัสยิดอัล นูร์ อยู่ที่ย่านกลางเมืองไครสต์เชิร์ช โดยมือปืนยังได้แพร่ภาพสดผ่านเฟซบุ๊กผ่านกล้องที่ติดไว้บนศีรษะ ทำให้เห็นภาพอย่างชัดเจน นับตั้งแต่มือปืนเริ่มต้นกราดยิงเหยื่อ ที่ดูเสมือนการเล่นเกมคอมพิวเตอร์ เบื้องต้นมีรายงานผู้เสียชีวิตจากเหตุกราดยิงที่มัสยิดอัล นูร์ มากถึง 49 ราย บาดเจ็บอีก 48 คน

...

ขณะเดียวกัน หลังจากที่มือปืนที่บ้าคลั่งกราดยิงผู้คนล้มตายเป็นเบือที่มัสยิดอัล นูร์ แล้วได้บุกมากราดยิงที่มัสยิดแถบชานเมืองลินวูดเป็นแห่งที่ 2 แต่เจ้าหน้าที่ฝ่ายความมั่นคงนิวซีแลนด์สามารถควบคุมสถานการณ์เอาไว้ได้และไม่เปิดเผยรายละเอียดอื่นๆรวมถึงความสูญเสีย ทั้งไม่ระบุว่ามือปืนที่บุกกราดยิงมัสยิดทั้งสองแห่งเป็นคนร้ายคนเดียวกันหรือกลุ่มเดียวกันหรือไม่

หลังเกิดเหตุร้ายนายกรัฐมนตรีหญิงจาซินดา อาร์เดิร์น แห่งนิวซีแลนด์ ออกแถลงการณ์ด้วยสีหน้าเคร่งเครียด ระบุว่าเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นถือเป็นการก่อการร้ายและเป็นวันแห่งความมืดมนที่สุดครั้งหนึ่งของประเทศ ทั้งระบุด้วยว่ากลุ่มมือปืนเตรียมการก่อเหตุร้ายมาอย่างดี โดยตระเตรียมอาวุธและเครื่องกระสุนตลอดจนอุปกรณ์ก่อการร้ายอีกจำนวนมากซึ่งทิ้งอยู่ในรถยนต์ที่จอดอยู่บริเวณสถานที่ก่อเหตุร้าย

ในเวลาต่อมา ตำรวจนิวซีแลนด์สามารถจับกุมผู้ต้องสงสัยก่อเหตุร้ายครั้งนี้ได้ 4 ราย เป็นชาย 3 หญิง 1 โดยหนึ่งในผู้ต้องสงสัยว่าเป็นมือปืนเป็นหนุ่มชาวออสเตรเลีย อายุ 28 ปี โดยกลุ่มผู้ต้องสงสัยก่อเหตุทั้ง 4 คน ไม่มีรายชื่ออยู่ในบัญชีเฝ้าระวังของตำรวจ หลังการจับกุมทางการนิวซีแลนด์เตรียมนำตัวผู้ต้องหาขึ้นศาลในช่วงวันเสาร์ 16 มี.ค. เพื่อตั้งข้อกล่าวหาว่ากระทำการฆาตกรรม ขณะที่นายสก็อต มอร์ริสัน นายกรัฐมนตรีออสเตรเลีย ระบุว่าผู้ต้องหาชาวออสเตรเลียรายนี้เป็นกลุ่มขวาจัดหัวรุนแรงและชอบต่อต้านผู้อพยพ

ขณะที่สำนักข่าวรอยเตอร์รายงานว่า ก่อนเกิดเหตุกราดยิงครั้งนี้ มีรายงานผู้โพสต์ข้อความประกาศผ่านเว็บไซต์ “8Chan” อ้างตัวเป็นกลุ่มคนขาวต้องการฆ่าล้างเผ่าพันธุ์ พร้อมเขียนข้อความต้องการโจมตีผู้อพยพ โดยระบุถึงผู้อพยพว่าคือ “ผู้บุกรุก” ทั้งยังมีข้อความลักษณะเดียวกันส่งผ่านทวิตเตอร์ด้วย

หลังเหตุกราดยิงอย่างอุกอาจ ตำรวจนิวซีแลนด์ได้เรียกร้องถึงประชาชนชาวนิวซีแลนด์และทั่วไปอย่าเผยแพร่หรือแชร์คลิปภาพเหตุการณ์สยองขวัญที่เกิดขึ้นผ่านเครือข่ายสังคมออนไลน์ ทั้งร้องขอถึงเฟซบุ๊กและอินสตาแกรมให้ถอดถอนภาพเหตุการณ์นั้นออกจากระบบ ทั้งที่ยังไม่มีการยืนยันภาพวิดีโอดังกล่าวเป็นของจริงหรือไม่และทางการยังเรียกร้องถึงมัสยิดทั้งหมดในนิวซีแลนด์หยุดประกอบศาสนกิจชั่วคราวเพื่อความปลอดภัย อีกทั้งยังได้ส่งกำลังตำรวจเฝ้าคุ้มกันศาสนสถานทุกแห่ง

อย่างไรก็ตาม เจ้าหน้าที่ตำรวจนิวซีแลนด์ พบพยานผู้อยู่ในเหตุการณ์กราดยิงผู้คนที่มัสยิดอัล นูร์ ที่สามารถระบุรูปพรรณของมือปืนว่าเป็นคนผิวขาว ผมบลอนด์ สวมหมวกกันน็อกติดกล้องและสวมเสื้อเกราะกันกระสุน กราดยิงผู้คนภายในมัสยิดอย่างไม่เลือกหน้า จนผู้คนล้มตายกันระเนระนาด เลือดสีแดงฉานไหลนองพื้นมัสยิดเป็นที่สยดสยอง ขณะที่ในมัสยิดดังกล่าวมีทีมนักกีฬาคริกเกตจากบังกลาเทศเข้าไปร่วมประกอบพิธีทางศาสนาและโชคดีที่ทุกคนปลอดภัย ทั้งนี้เหตุกราดยิงในนิวซีแลนด์ไม่เกิดขึ้นบ่อยครั้งนัก เพราะกฎหมายควบคุมอาวุธปืนถูกบังคับใช้อย่างเข้มงวดมาตั้งแต่ช่วงปี 2535 หลังเกิดคดีชายผู้ป่วยทางจิตใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติกราดยิงผู้คนเสียชีวิต 13 ราย ที่เมืองอาราโมนา บนเกาะใต้

จากเหตุการณ์สุดเศร้าสลดของชาวนิวซีแลนด์ วันเดียวกัน สมเด็จพระบรมราชินีนาถเอลิซาเบธที่ 2 ประมุขแห่งสหราชอาณาจักรและเครือจักรภพอังกฤษ ทรงมีถ้อยแถลงแสดงความเศร้าเสียพระทัยอย่างสุดซึ้งต่อเหตุโจมตีมัสยิด 2 แห่งในนิวซีแลนด์ ว่า ในช่วงเวลาที่เศร้าสลดนี้ ขอสวดภาวนาและส่งกำลังใจถึงชาวนิวซีแลนด์ทุกคน พระองค์และเจ้าชายฟิลิปพระราชสวามี ยังส่งสารแสดงความเศร้าเสียใจถึงครอบครัว มิตรสหายของผู้เสียชีวิตด้วย

...

ส่วนสมเด็จพระสันตะปาปาฟรานซิส ประมุขคริสตจักรนิกายโรมันคาทอลิก ทรงส่งสารแสดงความเศร้าเสียใจและขอแสดงความเป็นหนึ่งเดียวกับชาวมุสลิม ขณะที่ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ แห่งสหรัฐฯ และโฆษกทำเนียบขาว แถลงแสดงความเศร้าเสียใจกับชาวนิวซีแลนด์ พร้อมประณามการโจมตีครั้งนี้ว่าเป็น “วัฏจักรการกระทำแห่งความเกลียดชัง”

วันเดียวกัน นายดนัย เมนะโพธิ เอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ได้แสดงความห่วงใยพี่น้องชาวไทยในนิวซีแลนด์ โดยมีการออกประกาศจากสถานเอกอัครราชทูต ณ กรุงเวลลิงตัน ในวันเดียวกันนี้ เรื่องเหตุกราดยิงที่มัสยิดเมืองไครสท์เชิร์ช ว่า ขอเตือนให้พี่น้องชาวไทยที่พำนักอาศัยอยู่ในนิวซีแลนด์และนักท่องเที่ยวชาวไทยที่กำลังท่องเที่ยวอยู่ในนิวซีแลนด์โดยเฉพาะที่เมืองไคร์สท์เชิร์ชและในเขตแคนเทอเบอรี โปรดใช้ความระมัดระวังอย่างสูงและติดตามข่าวสารจากทางราชการของนิวซีแลนด์อย่างใกล้ชิด รวมทั้งปฏิบัติตามคำแนะนำของทางการนิวซีแลนด์อย่างเคร่งครัด เนื่องจากในชั้นนี้ทางการนิวซีแลนด์ยังไม่สามารถให้ความมั่นใจได้ว่าจะเกิดเหตุร้ายใดๆในสถานที่อื่นๆในนิวซีแลนด์อีกหรือไม่ ทั้งนี้ สถานเอกอัครราชทูตจะได้ติดตามพัฒนาการของเรื่องนี้และแจ้งให้ทราบต่อไป

ด้านปฏิกิริยานานาชาติทั่วโลกต่างกล่าวประณามการก่อเหตุร้ายดังกล่าว ตั้งแต่รัฐบาลตุรกี มาเลเซีย ฝรั่งเศส สวีเดน อังกฤษ เยอรมนี ตลอดจนชาติมุสลิมอื่นๆ ขณะที่นายอิมราน ข่าน นายกรัฐมนตรีปากีสถาน ระบุเหตุการณ์นี้ถือเป็นอีกครั้งที่เกี่ยวข้องกับความเกลียดกลัวชาวมุสลิม นับตั้งแต่เหตุวินาศกรรมครั้งใหญ่ในสหรัฐฯเมื่อวันที่ 11 ก.ย.2544