ทีมแพทย์อังกฤษ เปิดเผยงานวิจัยการรักษา ชายคนไข้ติดเชื้อ HIV/เอดส์ ในลอนดอน นับเป็นคนไข้รายที่ 2 ที่ปลอดจากเชื้อร้ายมานานถึง 18 เดือน และไม่ต้องกินยาต้านเอดส์ หลังได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์

เมื่อ 5 มี.ค.62 สำนักข่าวต่างประเทศและบีบีซี รายงานข่าวเกี่ยวกับกับวงการแพทย์ครั้งสำคัญ ชายชาวอังกฤษคนหนึ่ง ซึ่งติดเชื้อไวรัส HIV/เอดส์ เป็นคนไข้ติดเชื้อร้ายรายที่ 2 ของโลก ที่ปลอดจากเชื้อ HIV มานานถึง 18 เดือนแล้ว หลังจากได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ (หรือในอดีตเรียกว่าการปลูกถ่ายไขกระดูก)

ตามรายงานการศึกษาของทีมแพทย์ที่นำมาลงในวารสารวิทยาการทางวิทยาศาสตร์ ‘Nature’ ระบุว่า คนไข้ในลอนดอนรายนี้ได้ตรวจพบว่าติดเชื้อไวรัส HIV ซึ่งก่อให้เกิดโรคเอดส์ (โรคที่เกิดจากภาวะภูมิคุ้มกันของร่างกายเสื่อมหรือบกพร่องจากการถูกทำลายโดยเชื้อ HIV) เมื่อปี 2546 และตรวจพบว่าเป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองชนิด Hodkin เมื่อปี 2559

เชื้อไวรัส HIV
เชื้อไวรัส HIV

...

คนไข้ชายในลอนดอนคนดังกล่าว จึงได้รับการรักษาด้วยเคมีบำบัด (chemotherapy) เพื่อรักษาโรคมะเร็งต่อมน้ำเหลือง รวมทั้งการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ โดยใช้เซลล์ของผู้บริจาคที่มีภูมิต้านไวรัส จนทำให้โรคมะเร็งต่อมน้ำเหลืองและเอดส์ทุเลาลง หรืออยู่ในระยะโรคสงบ โดยตรวจไม่พบเชื้อไวรัส HIV ในร่างกายของคนไข้ชายในลอนดอนรายนี้มานาน 18 เดือนแล้ว และขณะนี้เขาไม่ต้องกินยาต้านไวรัส HIV เอดส์อีกต่อไป

สำหรับทีมแพทย์ที่ได้ทำการวิจัยในครั้งนี้ มาจากมหาวิทยาลัยคอลเลจ ลอนดอน, อิมพีเรียล คอลเลจ ลอนดอน, เคมบริดจ์ และออกซ์ฟอร์ด ในอังกฤษ และคนไข้ชายในลอนดอนคนนี้นับเป็นคนไข้ติดเชื้อ HIV รายที่ 2 ที่ได้รับการรักษาด้วยวิธีนี้ และไม่พบเชื้อไวรัส HIV หลังปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ต่อจากนายทิโมธี บราวน์ ชายอเมริกัน ซึ่งถือเป็นคนไข้ติดเชื้อไวรัส HIV รายแรก ที่หายจากโรคเอดส์ หลังจากไปรับการรักษาด้วยกระบวนการเดียวกันนี้ในเมืองเบอร์ลิน ประเทศเยอรมนี เมื่อ 12 ปีก่อน

อย่างไรก็ตาม คณะแพทย์ที่ทำวิจัยครั้งนี้ชี้ว่า ยังคงเร็วเกินไปที่จะระบุว่า คนไข้ได้รับการรักษาจนหายขาดจากการติดเชื้อ HIV แล้ว ในขณะเดียวกัน คนไข้ติดเชื้อ HIV ทั้งสองรายซึ่งปลอดจากเชื้อร้ายหลังได้รับการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ก็เป็นมะเร็งต่อมน้ำเหลืองในระยะแพร่กระจายทั้งคู่ ซึ่งการรักษาด้วยการปลูกถ่ายสเต็มเซลล์ ถือเป็นความพยายามครั้งสุดท้ายทางการแพทย์ที่จะรักษาชีวิตของเขาให้อยู่รอดต่อไป.