เศร้ามาก...เผยเหตุอุทกภัยครั้งประวัติศาสตร์ในรัฐควีนส์แลนด์  ทำวัวต้องจมน้ำตาย สุดสลด นับ 3 แสนตัว ขณะที่รายงานการสอบสวนเหตุน้ำท่วมใหญ่คราวนี้ ชี้เจ้าหน้าที่ท้องถิ่นล้มเหลวเตรียมป้องกัน

เมื่อ 8 ก.พ.62 สำนักข่าวรอยเตอร์ และเว็บไซต์ เดอะ การ์เดียน แจ้งว่า ทางการรัฐควีนส์แลนด์ ทางตะวันออกเฉียงเหนือของออสเตรเลีย เผยรายงานผลการสอบสวนเหตุอุทกภัยครั้งใหญ่ในเมืองทาวน์สวิลล์ ทางตะวันตกของรัฐควีนส์แลนด์ พบว่า มีหลักฐานจำนวนมากแสดงให้เห็นว่าเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นล้มเหลวในการเตรียมพร้อมป้องกันภัยล่วงหน้า รับมือกับสถานการณ์ฝนตกหนักในเมืองทาวน์สวิลล์ ที่วัดปริมาณน้ำฝนได้สูงถึง 1,000 มิลลิเมตรในช่วงเวลาไม่ถึงสัปดาห์

นางแอนนาสตาเซีย พาลาสซัก นายกรัฐควีนส์แลนด์ กล่าวเมื่อวันศุกร์ที่ 8ก.พ.62 ว่า เหตุอุทกภัยคราวนี้ สถานการณ์เลวร้ายเหมือน ‘นรก’ มีวัวนับ 300,000 ตัวต้องตายอย่างทุกข์ทรมานจากน้ำท่วม ซึ่งทำให้เธอสะเทือนใจมากที่ต้องเห็นวัวตายมากมายอย่างน่าสงสารเช่นนี้

...

รอยเตอร์ และการ์เดียน ระบุว่า สาเหตุที่ทำให้สถานการณ์น้ำท่วมในรัฐควีนส์แลนด์เลวร้ายมากขึ้นนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นได้เปิดประตูเขื่อนแม่น้ำรอส หลังฝนตกหนักในช่วงไม่กี่วันแรก โดยทางสภาเมืองทาวน์สวิลล์ ได้จัดการเขื่อนโดยใช้ข้อมูลที่ออกแบบสำหรับการรักษาทรัพย์สินจากเหตุน้ำท่วมรุนแรงในรอบ 100 ปี ในขณะที่สถานการณ์จริงที่เกิดขึ้น หนักหนาสาหัสกว่านั้นมาก เมื่อใช้ยุทธศาสตร์เดียวกันมารับมือสถานการณ์ จึงดูเหมือนเป็นสาเหตุทำให้เกิดความเสียหายหนักมากขึ้นกว่าเดิม

เว็บไซต์การเดียน รายงานด้วยว่า นางพาลาสซัก นายกรัฐควีนส์แลนด์ พยายามชี้ให้เห็นว่า การตัดสินใจเปิดประตูเขื่อนกั้นแม่น้ำรอส จนทำให้ปริมาณน้ำมหาศาลไหลบ่าท่วมชานเมืองทาวน์สวิลล์เมื่อคืนวันอาทิตย์ที่ 3 ก.พ.62 จนทำให้สถานการณ์น้ำท่วมเลวร้ายมากขึ้นนั้น เป็นการตัดสินใจของสภาเมืองทาวน์สวิลล์ เพราะเป็นเขื่อนของทางเมืองทาวน์สวิลล์

ขณะที่ นายเจนนีย์ ฮิลล์ นายกเมืองทาวน์สวิลล์ กล่าวกับนักข่าว Townsville Bulletin ว่า ปริมาณน้ำฝนที่ตกในคราวนี้ บางทีอาจเป็นปริมาณน้ำฝนที่ตกหนักมากสุดในทุก 2,000 ปีเลยทีเดียว โดยการตัดสินใจเปิดประตูเขื่อนแม่น้ำรอส เนื่องจากระดับน้ำในเขื่อนสูงถึง 43 เมตร และดำเนินการตามแผนจัดการเขื่อนตามข้อมูลการศึกษา เมื่อปี 2555

อ่านข่าว