การเมือง...หนีไม่พ้นการเมือง
ปักหมุดแน่นอนแล้ว เมื่อสหรัฐอเมริกาได้ประกาศระหว่างวันที่ 27-28 ก.พ.62 จะมีการประชุมนัดพิเศษระดับโลก กำหนดสถานที่คือเวียดนาม
เป็นการประชุมครั้งที่ 2 ระหว่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” กับ “คิม จอง อึน” ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือ
สิงคโปร์เคยเป็นเจ้าภาพการประชุมครั้งที่ 1 มาแล้ว
การประชุมครั้งแรกนั้นถือว่าประสบผลสำเร็จด้วยการเริ่มต้นอย่างน้อยก็ทำให้ภาระตึงเครียดในคาบสมุทรเกาหลีดีขึ้น
เพราะเกาหลีเหนือประกาศยุติการทดลองนิวเคลียร์ทันที ทำให้สถานการณ์ทุกอย่างสงบราบรื่น
แต่นั่นเป็นเพียงนัดแรกเมื่อทั้ง 2 ฝ่ายต่างก็ยื่นข้อเสนอต่างๆให้กันและกัน เกาหลีเหนือนั้นยืนยันว่าจะยุติการดำเนินการเรื่องนิวเคลียร์ และบอกว่าจะมีการทำลายอุปกรณ์ทั้งหมด
ข้อเสนอก็คือให้สหรัฐฯ อียูยกเลิกการคว่ำบาตรทั้งหมด
ความเป็นผู้นำของ “ทรัมป์” จึงโดดเด่นขึ้นมาท่ามกลางปัญหาขัดแย้งในสหรัฐฯ คงพอใจว่าสามารถทำให้เกาหลีเหนือยอมผ่อนปรนและให้ความร่วมมือดี
แต่ในความเป็นชื่อสหรัฐฯก็คงรู้ดีว่ายังไม่สามารถเชื่อใจผู้นำเกาหลีเหนือแน่ พร้อมกับการที่ยังไม่ยอมยุติการคว่ำบาตร
ไม่เชื่อด้วยว่าเกาหลีเหนือจะยุติไม่ยุ่งกับนิวเคลียร์อีก
ก่อนที่จะมาถึงการพบปะกันอีกครั้งนั้น 2 ประเทศมีท่าทีชัดเจนก็คือ “คิม” พยายามเรียกร้องให้ยุติการคว่ำบาตรทันที
ด้านสหรัฐฯก็พยายามจะออกข่าวว่า เกาหลีเหนือยังไม่ยุติเรื่องนิวเคลียร์ ด้วยการแสดงภาพการเคลื่อนย้ายอาวุธนิวเคลียร์ และยังมีการแอบซ่อนแหล่งทดลอง
เพื่อแสดงให้เห็นว่าเกาหลีเหนือตบตานานาชาติ
พูดง่ายๆว่า ต่างฝ่ายต่างพยายามหยิบปมมาเป็นประเด็นต่อรองในการเจรจารอบใหม่เพื่อความได้เปรียบ
การที่สหรัฐฯเลือกเวียดนามเป็น “เจ้าภาพ” คงเป็นเพราะมีความเชื่อมั่นและมั่นใจว่ารัฐบาลเวียดนามจะคุมสภาพด้านความปลอดภัยและความมั่นคงได้
การเมืองของเวียดนามนั้นชัดเจน กุมสภาพเอาไว้ได้ทั้งหมด
อีกทั้งเวียดนามนั้นมีความสัมพันธ์อันดีต่อกันมายาวนาน หากเสนอให้เป็นเจ้าภาพการประชุมและเกาหลีเหนือยอมรับได้
สหรัฐฯจะได้อะไรเมื่อเลือกเวียดนามเป็นเจ้าภาพ ก็เพื่อจะโชว์ให้จีนได้รู้ว่าสหรัฐฯมีความสัมพันธ์แนบแน่นกับเวียดนาม ซึ่งเป็นทั้งมิตรและศัตรูกันมาก่อน
วันนี้เวียดนามนอกจากมีความมั่นคงและเปิดประเทศก้าวไปสู่ความสัมพันธ์ที่ดีกับหลายประเทศ จึงส่งผลมีหลายประเทศเข้าไปลงทุนจนทำให้เกิดการยกระดับประเทศและเศรษฐกิจเติบโตอย่างก้าวกระโดด
เท่ากับว่าสหรัฐฯได้แนบแน่นและในพื้นที่อาเซียนที่ต้องการปักหมุดทางการเมือง เศรษฐกิจ และกระชับความสัมพันธ์ที่ยกระดับเป็นพวกกันได้
ได้ทั้งการเมือง ได้ทั้งการลงทุนและเสียดทานมหาอำนาจในย่านนี้
ความคาดหวังว่าการเจรจาระหว่างสหรัฐฯและเกาหลีเหนือเชื่อว่าคงไม่มีอะไรใหม่ หรือคืบหน้าไปมากนัก เป็นการประชุมเพื่อประชุมครั้งต่อไปเท่านั้น
เพราะล้วนเป็นเรื่องละเอียดอ่อนที่ตกลงกันยาก
สหรัฐฯคงหวังเพียงว่า อย่างน้อยก็เป็นการโชว์ออฟ
กวนอารมณ์จีนมากกว่า.