30 ปีที่แล้ว มีคนเตือนว่าอนาคตโลกจะเล็กลง การติดต่อสื่อสารของผู้คนตามประเทศต่างๆจะมีมากขึ้น ความสัมพันธ์ระหว่างประเทศจะทำให้ชาติรัฐมีชื่อเสียงทั้งบวกและลบ ประเทศที่มีชื่อเสียงบวก ทำอะไรก็ประสบความสำเร็จ ผู้นำและประชาชนของประเทศชื่อเสียงบวกไปที่ไหน ผู้คนก็ต้อนรับ ผู้นำและประชาชนของประเทศชื่อเสียงลบไปที่ใด ผู้คนก็ร้องยี้ ไม่อยากต้อนรับขับสู้ ต้นทุนเรื่องชื่อเสียงของประเทศจึงสูงมากในเวทีระหว่างประเทศ
ไอ้ปื๊ดบางกลุ่มก้าวขึ้นไปทำงานระหว่างประเทศได้เพราะการประจบสอพลอทว่าไม่มีความรู้ความสามารถและประสบการณ์ จึงทำงานพลาดอยู่เป็นประจำ ทำความเสียหายให้กับประเทศอย่างไม่สามารถคำนวณเป็นมูลค่าได้
ที่เห็นได้ชัดก็คือแคนาดาซึ่งเป็นชาติรัฐที่เคยมีสถานะบวก พลเมืองและสินค้าแคนาดาได้รับการต้อนรับทุกแห่ง แต่หลังจากจับลูกสาวผู้ก่อตั้งบริษัทหัวเว่ย สถานะแคนาดาก็เริ่มไม่ดี ชาวโลกมองว่าแคนาดาเป็นมือเป็นเท้าให้ประธานาธิบดีทรัมป์จัดการกับคนของประเทศคู่แข่ง
สำหรับไทย ในช่วง 4 ปีที่ผ่านมา ก็เละตุ้มเป๊ะเรื่องอุยกูร์ ที่ส่งชาวอุยกูร์กลับไปให้รัฐบาลจีน เรื่องของสตรีซาอุฯ ที่หนีครอบครัว ซึ่งลิดรอนสิทธิของตน มาวันนี้ก็เป็นเรื่องนักฟุตบอล นายฮาคีม อัล อาไรบี ซึ่งตอนนี้กลายเป็นประเด็นระดับโลก ถ้าผู้อ่านท่านเข้าไปอ่านสื่อโซเชียลมีเดียที่ใช้ภาษาอังกฤษจะพบว่า ชาวโลกจำนวนไม่น้อยพูดถึงเราในแง่ลบอย่างที่ไม่เคยปรากฏมาก่อน
แม้แต่เอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำไทยก็ยังออกแถลงการณ์โดยเขียนลงเพจเฟซบุ๊ก Australia in Thailand ว่า “ในนามของเอกอัครราชทูตออสเตรเลียประจำประเทศไทย รัฐบาลบาห์เรนทราบดีอยู่แล้วว่าคุณ Hakeem al-Araibi อาศัยอยู่ที่ในประเทศออสเตรเลียตั้งแต่ปี 2557 ในช่วงเวลา 4 ปีที่ผ่านมา รัฐบาลบาห์เรนไม่เคยแสดงความพยายามหรือแจ้งรัฐบาลออสเตรเลียแม้แต่ครั้งเดียวถึงกรณีคุณ Hakeem หรือต้องการตัวคุณ Hakeem กลับประเทศ...”
...
“...แต่ทันทีที่คุณ Hakeem และภรรยาเดินทางมา honeymoon ที่ประเทศไทย รัฐบาล Bahrain ได้ประสานงานมาที่รัฐบาลไทยอย่างเร่งด่วน เพื่อขอให้ควบคุมตัวคุณ Hakeem และดำเนินการขอส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดนกลับประเทศบาห์เรนทันที การกระทำของรัฐบาลบาห์เรน ทำให้ไทยอยู่ในสถานะลำบากมาก ซึ่งจริงๆแล้วปีนี้ เป็นปีที่สำคัญอย่างยิ่งสำหรับประชาชนชาวไทยและประเทศไทย...”
“...ผมขอย้ำอีกครั้งหนึ่งว่า รัฐบาลออสเตรเลียต้องการให้คุณ Hakeem กลับไปประเทศออสเตรเลีย เพราะเขาเป็นผู้ลี้ภัย และเป็นผู้มีถิ่นที่อยู่ถาวรที่ประเทศออสเตรเลียโดยเร็วที่สุด คุณ Hakeem เป็นนักฟุตบอลที่รักของ fan football ทีม Pascoe Vale FC และ fan football ทั่วประเทศ เราหวังว่าคุณ Hakeem จะได้กลับไปหาครอบครัวและภรรยาของเขาในเร็ววัน”
ข้อความข้างบนโพสต์ในเพจ Australia in Thailand เมื่อ 16.15 น. ของวันจันทร์ที่ 4 กุมภาพันธ์ 2562 มีทั้งภาษาไทยและอังกฤษ ถึงเวลาที่ผมเขียนคอลัมน์ในขณะนี้ มีผู้แสดงความรู้สึกแล้ว 13.2K แสดงความคิดเห็น 1.3K รายการ และแชร์ 6.4K ครั้ง เมื่อตามเข้าไปดูในที่แชร์ ก็ปรากฏว่ามีเสียงตำหนิติเตียนการกระทำของรัฐบาลไทยจำนวนมาก
บางคนโยงมั่วเรื่องคนไทยที่ถือหนังสือเดินทางธรรมดาเดินทางเข้าบาห์เรนโดยไม่ต้องใช้วีซ่าได้นานถึง 14 วัน ซึ่งเป็นประเทศเดียวในตะวันออกกลางที่อนุญาตให้คนไทยเข้าประเทศได้โดยไม่ต้องใช้วีซ่า หลายคนโยงถึงไทยมาร์ตซึ่งเป็นคอมมิวนิตีมอลล์ร่วมทุนกันระหว่างบริษัทไทยกับบริษัทพัฒนาอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ในบาห์เรน ที่มีพื้นที่มากถึง 6,706 ตารางเมตร 200 คูหา ที่เปิดตัวใน พ.ศ.2562 ชนกับดรากอนซิตี้ของจีน ซึ่งเรื่องนี้ไม่เกี่ยวกันเลยนะครับ เพียงแต่มีพวกพยายามโยงให้เห็นว่าไทยต้องเกรงใจบาห์เรนเพราะผลประโยชน์ที่ได้รับจากบาห์เรน
เรื่องของนายฮาคีมจะผิดหรือจะถูก เราไม่อาจจะทราบได้ แต่สิ่งหนึ่งซึ่งรัฐบาลไทยควรจะต้องทำก็คือ หาคนที่มีกึ๋นทางการระหว่างประเทศเข้ามาทำงานเพื่อรับมือกับความซับซ้อนของวงการระหว่างประเทศที่มีมากขึ้นทุกวัน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com