ตำรวจญี่ปุ่นยังคงสืบสวนการเสียชีวิตของเด็กหญิงวัย 10 ขวบที่ถูกพ่อทารุณกรรมจนเสียชีวิต ซึ่งสร้างความสะเทือนใจไปทั่วประเทศ โดยล่าสุด พวกเขาจับแม่ของเธอฐานมีส่วนเกี่ยวข้องแล้ว...
จากกรณี เด็กหญิง คุริฮาระ มิอะ อายุ 10 ขวบ ถูกพบเป็นศพสภาพร่างกายฟกช้ำอยู่ภายในห้องอาบน้ำในอพาร์ตเมนต์ของเธอเองในเมืองโนดะ จังหวัดชิบะ เมื่อสัปดาห์ก่อน จนนำไปสู่การจับกุม นายคุริฮาระ ยูอิชิโระ อายุ 41 ปี ผู้เป็นพ่อแท้ๆ เมื่อ 25 ม.ค. ในฐานะผู้ต้องสงสัยทารุณกรรมลูกสาวจนถึงแก่ความตายนั้น
ล่าสุดสำนักข่าว เอ็นเอชเค ในวันที่ 4 ก.พ. รายงานว่า ตำรวจได้จับกุม นางคุริฮาระ นากิสะ อายุ 31 ปี ในฐานะผู้ต้องสงสัยมีส่วนเกี่ยวข้องกับการเสียชีวิตของมิอะ เนื่องนากิสะกับลูกสาววัย 1 ขวบอีกคนของเธออยู่ที่บ้านในวันที่มิอะถูกทำร้ายจนเสียชีวิตด้วย และจากการสืบสวนเพิ่มเติมทำให้ตำรวจสรุปว่า นากิสะน่าจะมีส่วนเกี่ยวข้องในเรื่องนี้ด้วย
ทั้งนี้ คดีการเสียชีวิตของเด็กหญิงมิอะ สร้างความตกตะลึงและความไม่พอใจไปทั่วประเทศญี่ปุ่น หลังจากมีรายงานว่า พ่อของมิอะได้รับสำเนาแบบสอบถามที่เด็กหญิงรายนี้เขียนข้อความขอความช่วยเหลือ และบรรยายเรื่องการถูกพ่อทารุณกรรมเอาไว้ ทั้งที่เอกสารฉบับนี้ควรจะถูกเก็บเป็นความลับ
...
เมื่อวันพฤหัสบดีที่ 31 ม.ค. คณะกรรมการศึกษาธิการประจำเมืองโนดะ จัดงานแถลงข่าวเกี่ยวกับคดีของมิอะ และกล่าวขอโทษที่พวกเขาขาดวิจารณญานอย่างยิ่งยวดในเรื่องนี้ โดยเปิดเผยว่า ในเดือนพฤศจิกายน ปี 2560 มิอะเคยเขียนข้อความขอความช่วยเหลือในแบบสอบถามของโรงเรียน ระบุว่า พ่อใช้ความรุนแรงกับเธอ บางครั้งก็ปลุกเธอกลางดึก เมื่อเธอตื่นพ่อก็จะซ้อมทั้งเตะและทุบตี มิอะเขียนถามด้วยว่า คุณทำอะไรกับเรื่องนี้ได้บ้างมั้ย?
เรื่องนี้ทำให้มิอะถูกนำตัวเข้าไปอยู่ในสถานคุ้มครองเด็กจนถึงปลายเดือนธันวาคม 2560 มาตรการถูกยกเลิกภายใต้เงื่อนไขว่า มิอะจะต้องไปอาศัยอยู่กับญาติแทน อย่างไรก็ตามในเดือนมกราคม 2561 คณะกรรมการศึกษาธิการฯ มอบสำเนาแบบสอบถามดังกล่าวให้แก่พ่อของมิอะ ก่อนที่มิอะจะย้ายกลับไปอาศัยกับพ่อแม่ในเดือนมีนาคมปีเดียวกัน
คณะกรรมการศึกษาธิการประจำเมืองโนดะ ยอมรับในงานแถลงข่าวว่า พวกเขายอมมอบสำเนาแบบสอบถามให้แก่พ่อของมิอะ เพราะถูกขู่ฟ้องร้องดำเนินคดี “เราขอโทษที่ไม่สามารถช่วยเหลือชีวิตของเด็กน้อยคนหนึ่งได้” นายซุซุกิ ยู นายกเทศมนตรีเมืองโนดะ กล่าว
อนึ่ง ผู้เชี่ยวชาญด้านสวัสดิภาพเด็กเชื่อว่า วิธีที่เจ้าหน้าที่ใช้รับมือปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น อาจส่งผลให้เด็กถูกทารุณกรรมที่บ้านอย่างหนักยิ่งกว่าเดิมก็เป็นได้.