ไทยแลนด์มีรถ “ตุ๊กๆ” เป็นเอกลักษณ์ที่ชาวโลกรู้จักดี ส่วนฟิลิปปินส์ก็มีรถ “จี๊ปนีย์” ซึ่งโด่งดังไม่แพ้กัน แต่เวลานี้ รถจี๊ปนีย์ใกล้จะสูญพันธุ์!
รถจี๊ปนีย์ โดยเฉพาะในกรุงมะนิลา พ่นควันไอเสียก่อมลภาวะทางอากาศ อีกทั้งมีความปลอดภัยต่ำ รัฐบาลประธานาธิบดีโรดริโก ดูเตร์เต จึงตั้งนโยบายปฏิรูประบบขนส่งมวลชนให้ทันสมัย และรถจี๊ปนีย์ที่มีอายุ 15 ปีขึ้นไปถูกสั่งห้ามวิ่งบนท้องถนนภายในปี 2563
ผู้มีอาชีพเกี่ยวข้องพึ่งพารถจี๊ปนีย์ต่างร้องโอดครวญกันเป็นแถว หลายคนเสียดายสัญลักษณ์ของชาติที่จะสูญหายไป บางคนถึงขั้นด่ารัฐบาลว่า “ทรยศ” ประชาชน
“จี๊ปนีย์” (Jeepney หรือภาษาตากาล็อก Dyipni, Dyip) เป็นคำสมาสภาษาอังกฤษ“จี๊ป” (Jeep) กับ “นีย์” (Knee) ที่แปลว่าหัวเข่าเนื่องจากรถจี๊ปนีย์สมัยก่อนมีผู้โดยสารนั่งแออัดจนหัวเข่าชนหัวเข่า
ต้นกำเนิดรถจี๊ปนีย์ มาจากการที่ทหารอเมริกันยึดฟิลิปปินส์เป็นฐานทัพและชัยภูมิรบในมหาสมุทรแปซิฟิกช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2 เมื่อสงครามยุติในปี 2488 ก็ทิ้งรถทหารยี่ห้อJeep ไว้จำนวนมาก จึงมีผู้นำมาดัดแปลงเป็นรถโดยสารมาตั้งแต่นั้น ซึ่งนานถึง 74 ปีแล้ว
รถจี๊ปนีย์มีลักษณะคล้ายรถสองแถวบ้านเรา แต่ยาวกว่า และถูกเพนต์ลวดลายสีสันฉูดฉาดเป็นเอกลักษณ์เฉพาะ ไล่ตั้งแต่ลวดลายเด็กน้อย สาวสวย การ์ตูนซุปเปอร์ฮีโร่ต่างๆ ไปจนถึงลวดลายที่เกี่ยวข้องกับศาสนาคริสต์นิกายโรมันคาทอลิก ศาสนาหลักของฟิลิปปินส์
ค่ารถจี๊ปนีย์ถูกมาก ผู้โดยสารจะขึ้นลงหรือคนขับจะจอดตรงไหนก็ได้ รถจี๊ปนีย์รุ่นเก่าๆ ผู้โดยสารจะปีนขึ้นประตูท้ายรถ ไปนั่งแออัดกันบนม้านั่ง 2 แถว หรือถ้ารถเต็มก็ขึ้นไปนั่งบนหลังคารถ
หลังจี๊ปนีย์เก่าๆ ถูกจำกัด รัฐบาลจะนำรถจี๊ปนีย์รุ่นใหม่มาแทน โดยรถจะติดแอร์เป็นรถไฟฟ้าหรือใช้น้ำมันที่ก่อมลภาวะต่ำ มีประตูขึ้นลง มีที่นั่งส่วนบุคคล มีที่ให้ยืน คล้าย “รถเมล์” มากกว่าจี๊ปนีย์เดิม
...
เบอร์นาโด ลา ครูซ ผู้ยึดอาชีพเพนต์ลวดลายรถจี๊ปนีย์มากว่า 45 ปี เป็นอีกคนที่อาลัย อาวรณ์จีปนีย์จนน้ำตาตกใน เขาเผยว่าในทศวรรษ 1980 ที่จี๊ปนีย์เฟื่องฟูสุดๆ มีนักเพนต์ลวดลายรถจี๊ปนีย์ในกรุงมะนิลาหลายร้อยคน รับออเดอร์เดือนละกว่า 80 คัน แต่ขณะนี้เหลือไม่ถึง 12 คน และมีออเดอร์แค่ 1-2 คันต่อเดือน
สรรพสิ่งมีเกิดและมีดับ รถ “จี๊ปนีย์” ก็เช่นกัน แต่มันจะเป็นหนึ่งในตำนานที่โลกไม่ลืม!
บวร โทศรีแก้ว