ต้นสัปดาห์ที่ผ่านมาผมรับใช้ผู้อ่านท่านที่เคารพถึงความวุ่นวายในเวเนซุเอลาว่ายืดเยื้อแน่นอน เพราะมีมหาอำนาจชาติใหญ่อย่างรัสเซียและจีนหนุนนิโกลัส มาดูโร ประธานาธิบดีคนปัจจุบัน ส่วนนายฮวน เฮราร์โด กวยโด มาร์เกซ ผู้นำฝ่ายค้าน พร้อมกับตำแหน่งรักษาการประธานาธิบดี ซึ่งสหรัฐฯ สนับสนุนอยู่

จริงดังที่คาดครับ ยังไม่ทันพ้นสัปดาห์ นอกจากความรุนแรงจากการประท้วงจะทำให้คนเวเนซุเอลาเสียชีวิตแล้วไม่ต่ำกว่า 40 คน ถูกจับอีก 850 คนแล้ว วันนี้เวเนซุเอลาวุ่นวายขายปลาช่อนยิ่งขึ้นไปอีก เมื่อศาลสูงสุดของเวเนซุเอลาสั่งอายัดบัญชีธนาคารของนายฮวน กวยโด แถมยังออกคำสั่งห้ามเดินทางออกนอกประเทศอีกด้วย ที่รัฐบาลของนายมาดูโรจัดการกับนายกวยโดเพราะต้องการตอบโต้สิ่งที่สหรัฐฯ กำลังเล่นงานจนแทบกระดิกตัวไม่ได้

รัฐบาลสหรัฐฯ แท็กทีมเล่นงานนายมาดูโรจนหน้าเขียว เริ่มตั้งแต่นายไมค์ พอมเพโอ รัฐมนตรีกระทรวงการต่างประเทศสหรัฐฯ เซ็นอนุมัติคำสั่งให้นายกวยโดมีอำนาจเป็นผู้ควบคุมบัญชีเงินฝากทั้งหมดของเวเนซุเอลาในธนาคารสหรัฐฯ เมื่อสัปดาห์ก่อน

สหรัฐฯ บีบรัฐบาลนายมาดูโรทุกทาง รองประธานาธิบดีสหรัฐฯ นายไมค์ เพนซ์ ก็เพิ่งเชิญนายคาร์ลอส เวคคิโอ อุปทูตเวเนซุเอลาประจำสหรัฐฯ คนใหม่ เข้าไปหารือเรื่องปัญหาในเวเนซุเอลาที่ทำเนียบขาว ซึ่งนายเวคคิโอนี่ล่ะครับ เป็นอุปทูตที่นายกวยโดแต่งตั้ง

จนมาถึงการลงโทษทางเศรษฐกิจที่รุนแรงที่สุดของสหรัฐฯ ต่อรัฐบาลนายมาดูโรคือ มาตรการคว่ำบาตร Petroleos de Venezuela หรือ PDVSA ซึ่งเป็นรัฐวิสาหกิจน้ำมันของเวเนซุเอลา มาตรการนี้จะทำให้เวเนซุเอลาไม่สามารถส่งออกน้ำมันออกนอกประเทศได้ ไม่เท่านั้น ยังครอบคลุมไปถึงการอายัดทรัพย์สิน PDVSA มูลค่า 7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 2 แสนกว่าล้านบาทในทันที รวมทั้งทรัพย์สินสำหรับการส่งออกในปีหน้าอีก 11,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 3.5 แสนล้านบาทอีกด้วย

...

พอสหรัฐฯ ประกาศคว่ำบาตรน้ำมันปุ๊บ นายกวยโดก็ประกาศปั๊บว่า อีกไม่นาน ตนในฐานะรักษาการประธานาธิบดีจะแต่งตั้งคณะกรรมการบริหารชุดใหม่ของ PDVSA และ Citgo โรงกลั่นในเครือซึ่งอยู่ในสหรัฐฯ

ที่สหรัฐฯ เล่นงานเวเนซุเอลาจนกระอักอย่างนี้ได้ เพราะสหรัฐฯ เป็นผู้นำเข้าน้ำมันเวเนซุเอลารายใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งปีที่ผ่านมานำเข้าไปแล้ว 5 แสนบาร์เรลต่อวัน

เศรษฐกิจเวเนซุเอลาที่พังอยู่แล้ว ก็จะยิ่งเละเทะไม่เป็นท่าอย่างไม่ต้องสงสัย

รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังของสหรัฐฯ นายสตีเวน มนูชิน บอกว่า จะคงใช้มาตรการคว่ำบาตรน้ำมันนี้ไปจนกว่าจะมีการถ่ายโอนอำนาจให้นายกวยโด ประธานาธิบดีรักษาการ หรือได้รัฐบาลใหม่ที่มาจากการเลือกตั้งเท่านั้น

นายจอห์น โบลตัน ที่ปรึกษาความมั่นคงแห่งชาติของ ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ยังขู่อีกว่า ถ้ามีอันตรายใดก็ตามเกิดขึ้นกับนายกวยโด รัฐบาลเวเนซุเอลาของนายมาดูโรเจอดีแน่ สำทับด้วยคำพูดของนายทรัมป์ที่บอกว่า สหรัฐฯ เตรียมพร้อมทุกทาง โดยเฉพาะถ้ามีการใช้ความรุนแรงกับนายกวยโดหรือนักการทูตสหรัฐฯ รัฐบาลมาดูโรจะต้องถูกตอบโต้อย่างรุนแรง

นอกจากรัฐบาลนายมาดูโรจะตะโกนก้องร้องด่ารัฐบาลสหรัฐฯ แล้ว โลกฝ่ายตรงข้ามสหรัฐฯ ก็ออกมาประณามกันทันที ทั้งนายเกิ่ง ส่วง โฆษกกระทรวงต่างประเทศของจีน ได้แถลงคัดค้านการคว่ำบาตรฝ่ายเดียวของสหรัฐฯ แถมยังเตือนด้วยว่า การแทรกแซงของต่างชาติจะยิ่งทำให้สถานการณ์ในเวเนซุเอลาซับซ้อนขึ้น ซึ่งจะส่งผลไปถึงประชาชนคนเวเนซุเอลาที่เดือดร้อนอยู่แล้ว ให้ยิ่งเดือดร้อนแสนสาหัสเข้าไปอีก นอกจากจะไม่ช่วยแก้ปัญหาแล้ว ยังเป็นการซ้ำเติมให้ทุกอย่างแย่ลง ผลที่จะเกิดขึ้นนี้สหรัฐฯ ต้องรับผิดชอบ

ส่วนซีกรัสเซีย โดยนายเซรเก ลาฟรอฟ รัฐมนตรีต่างประเทศรัสเซีย ก็เตือนว่า สหรัฐฯ กำลังฝ่าฝืนธรรมเนียมสากล และแสดงออกอย่างเปิดเผยว่าสนับสนุนการโค่นล้มรัฐบาลนายมาดูโรอย่างผิดกฎหมาย

สถานการณ์ในเวเนซุเอลาไม่แค่ยืดเยื้อเท่านั้น แต่จะบานปลายกลายเป็นประเด็นความขัดแย้งระหว่างมหาอำนาจที่หนุนหลัง 2 ฝ่ายอยู่

ยากที่จะคาดเดาว่าจะจบลงยังไงครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com