นางซูจีและข้าราชการบางคนของเมียนมาเรียกพวกโรฮีนจา ว่า เบงกาลี หลายท่านที่ผมรู้จักมีทัศนคติต่อเบงกอลและเบงกาลีซึ่งเป็นทั้งดินแดน ภาษา และคนในแง่ลบ ในขณะที่ในอินเดียหรือในส่วนอื่นของโลก สถานะของเบงกอล ภาษา และชาวเบงกาลีเป็นสถานะบวกอย่างมาก แม้ศูนย์กลางการศึกษาแบบตะวันตกก็เกิดขึ้นที่กัลกัตตาในกัลกัตตาของเบงกอล ซึ่งเป็นศูนย์กลางการปกครองและศูนย์กลางความเจริญแบบตะวันตกของอินเดียในสมัยก่อน
ท่านรามโมฮัน รอย ก็เป็นชาวเบงกอล ท่านผู้นี้ปฏิรูปความเชื่อแบบฮินดู ต่อมาภายหลังมีการจัดตั้งสมาคมที่เรียกว่า พราหโมสมาช ซึ่งเป็นสมาคมที่ปฏิเสธระบบวรรณะและความเชื่อเรื่องพระเจ้าหลายองค์ ท่านตั้งสถาบันการศึกษาชั้นสูงแบบตะวันตกขึ้นเป็นแห่งแรก ในอินเดียเมื่อ ค.ศ.1817 โดยให้ชื่อว่าวิทยาลัยฮินดู สมัยก่อน เมื่อสามีตาย ชาวฮินดูก็จะมีพิธีสตีที่เผาแม่ม่ายทั้งเป็นให้ตายตามสามี สมาคมพราหโมสมาชนี่ล่ะครับที่ต่อต้านพิธีสตี
ชาวเบงกาลีจำนวนไม่น้อยที่มีผลงานสร้างสรรค์ทางกวีและวรรณกรรม อย่างท่านไมเคิล มธุสุทัน ทัตต์ ซึ่งเป็นนักเขียนนิยายชื่อดัง ท่านบันกิม จันทร์ จัตเตอร์จี กวีและนักแต่งละครและเรื่องสั้น รพินทรนาถ ฐากอร์ ท่านผู้นี้รับรางวัลโนเบลสาขาวรรณกรรมเป็นคนแรกของเอเชีย
ความตื่นตัวในสิทธิทางการเมือง เสรีภาพ ชาตินิยมในอินเดียส่วนใหญ่เกิดขึ้นในแคว้นเบงกอล ในหมู่ผู้คนชาวเบงกาลีก่อนภูมิภาคอื่น ถึงขนาดมีคำกล่าวในอินเดียว่า ‘What Bengal thinks today, all India thinks tomorrow’ ‘สิ่งที่เบงกอลคิดในวันนี้ อินเดียทั้งหมดคิดในวันพรุ่งนี้’
ท่านสุเรนทรนาถ บาเนอร์จี ผู้ที่ตั้งสมาคมผู้รักชาติและเป็นสมาชิกก่อตั้งสภาคองเกรสแห่งชาติของอินเดีย แถมยังดำรงตำแหน่งประธานสภาฯ ถึง 2 สมัย ก็มาจากเบงกอล
...
สมัยก่อน แคว้นเบงกอลใหญ่มากครับ แคว้นพิหารและแคว้นโอริสสะก็เป็นส่วนหนึ่งของแคว้นเบงกอล พอ ค.ศ.1905 อังกฤษเอาเมืองธากา จิตตะกอง และราชาฮีไปรวมกับอัสสัมตั้งเป็นแคว้นใหม่ชื่อว่า East Bengal and Assam หรือแคว้นเบงกอลตะวันออกและอัสสัม และใช้ธากา (ซึ่งเป็นเมืองหลวงบังกลาเทศทุกวันนี้)เป็นเมืองหลวง
ชาวเบงกอลมีหัวก้าวหน้าและทันสมัย พวกอังกฤษจึงกลัวมาก และนี่แหละเป็นที่มาของนโยบาย Divide and Rule หรือนโยบายแบ่งแยกและปกครอง ต่อมา จังหวัดหรือรัฐใดในโลกของเราใบนี้ที่มีคนหัวก้าวหน้ามากๆ ผู้ปกครองก็ใช้วิธีการแบ่งเป็นรัฐย่อยหรือจังหวัดย่อย
การแบ่งเบงกอลเป็นเรื่องใหญ่ คนทั้งอินเดียรู้ว่า หากคนเบงกอล รวมพลังกันได้ ในอนาคตต่อสู้กับอังกฤษได้แน่ จึงแบ่งให้บางเขตฮินดูเป็นชนกลุ่มน้อย บางเขตมุสลิมเป็นชนกลุ่มน้อย ซึ่งการแบ่งเบงกอลนี่แหละครับ ทำให้มุสลิมรวมตัวกันก่อตั้งสันนิบาตมุสลิมใน ค.ศ.1906 และต่อมาสันนิบาตนี้ก็เป็นแกนนำในการเรียกร้องการแบ่งประเทศและแยกอินเดียออกเป็นอินเดียกับปากีสถาน ซึ่งก็แบ่งเป็นปากีสถานตะวันตกและปากีสถานตะวันออก ภายหลังปากีสถานตะวันออกก็แยกประเทศออกมาเป็นบังกลาเทศ
ค.ศ.1911 อังกฤษรู้ว่าตัวเองพลาดในการแยกแคว้นเบงกอล จึงเอาเบงกอลกลับมารวมกันใหม่ แต่ความรู้สึกแตกแยกระหว่างฮินดูกับมุสลิมนั้นยากสมานให้แนบแน่นเหมือนเดิมได้แล้ว เวลาหมุนเวียนเปลี่ยนไปจนถึง ค.ศ.1946 ก็เกิดจลาจลในกัลกัตตา มุสลิมฆ่าชาวฮินดูเป็นจำนวนมาก ฮินดูก็ฆ่ามุสลิมเป็นการโต้ตอบ เนห์รู และสมาชิกพรรคคองเกรสจึงยอมแบ่งอินเดียออกเป็น 2 ประเทศเพื่อระงับการนองเลือด
ในการแบ่งประเทศในครั้งนั้น เบงกอลตะวันตกให้ไปรวมอยู่กับอินเดีย ส่วนเบงกอลตะวันออกและเหนือรวมทั้งเขตซิลเหตในอัสสัมซึ่งทั้งหมดนี้ใช้ภาษาเบงกาลี ให้ไปรวมกันเป็นส่วนหนึ่งของปากีสถานที่เรียกว่าปากีสถานตะวันออก ค.ศ.1971 ปากีสถานตะวันออกก็แยกตัวออกมาเป็นประเทศบังกลาเทศ
นี่ล่ะครับ เรื่องของเบงกาลีที่บางคนดูหมิ่นถิ่นแคลน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com
อ่านเพิ่มเติม