ผลการศึกษาของออกซ์แฟมชี้ เมื่อปีก่อนเศรษฐีในโลกรวยขึ้น 2.5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ทุกว่า ขณะที่เศรษฐี 26 อันดับแรกมีทรัพย์สินรวมเท่าๆ กับเงินของคนจนกว่าครึ่งโลกรวมกัน...
เมื่อวันจันทร์ที่ 21 ม.ค. คณะกรรมการออกซ์ฟอร์ดเพื่อบรรเทาความอดอยาก หรือ ออกซ์แฟม (Oxfam) เผยผลการศึกษาประจำปีจำนวน 106 หน้าดังกล่าวมีขึ้นเพื่อเรียกร้องความสนใจในเรื่องช่องว่างระหว่างคนรวยกับคนจนที่กำลังขยายตัวขึ้นเรื่อยๆ โดยพบว่า ตอนนี้จำนวนมหาเศรษฐีในโลกเพิ่มขึ้นเกือบ 2 เท่านับตั้งแต่เกิดวิกฤติเศรษฐกิจเมื่อกว่า 10 ปีก่อน โดยจำนวนตอนนี้อยู่ที่ 2,208 คน
รายงานระบุว่า ในปี 2561 ทรัพย์สินมหาเศรษฐีพันล้านทั่วโลกเพิ่มขึ้น 12% เฉลี่ยเงินงอกวันละ 2,500 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ขณะที่ชาวโลกกลุ่มยากจนที่สุดราว 3,800 ล้านคนกลับจนลง 11% เทียบตัวอย่าง นายเจฟฟ์ เบซอส ซีอีโออเมซอน บุคคลร่ำรวยที่สุดในโลก มีทรัพย์สินเพิ่มขึ้นเมื่อปีกลาย 112,000 ล้านเหรียญสหรัฐฯ ซึ่งเพียง 1% ของทรัพย์สินนายเบซอสเท่ากับงบประมาณสาธารณสุขชาวเอธิโอเปียทั้งประเทศที่มีประชากร 105 ล้านคน
ขณะที่ ทรัพย์สินรวมของมหาเศรษฐีที่ร่ำรวยที่สุดในโลก 26 อันดับแรกมีมากถึง 1.4 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐฯ (ราว 44.5 ล้านล้านบาท) เท่ากับจำนวนเงินของคนจนที่สุดจำนวน 3,800 พันล้านคนรวมกัน หรือกว่าครึ่งของประชากรโลก
มหาเศรษฐีส่วนใหญ่อยู่ในสหรัฐอเมริกา ทั้งนาย เจฟฟ์ เบซอส ผู้ก่อตั้งอเมซอน, บิล เกตส์ ผู้ก่อตั้งบริษัท ไมโครซอฟต์, วอร์เรน บัฟเฟตต์ นักลงทุนชื่อดัง และ มาร์ค ซัคเคอร์เบิร์ก ผู้ก่อตั้งเฟซบุ๊ก ซึ่งมีทรัพย์สินร่วมกันถึง 357,000 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ
รายงานระบุอีกว่า ทุกวันมีคนเสียชีวิตราว 10,000 คน เพราะเข้าไม่ถึงระบบสาธารณสุข การขอให้กลุ่มคนรวยจ่ายภาษีพิเศษเพิ่มเพียง 0.5% จะช่วยสมทบทุนการศึกษาเด็กที่ไม่ได้ไปโรงเรียนทั่วโลกราว 262 ล้านคน ทั้งยังช่วยเรื่องสาธารณสุขแก่กลุ่มคนยากจนได้อีกราว 3.3 ล้านคน พร้อมเตือนทุกรัฐบาลถึงความไม่เท่าเทียมที่รุนแรงหนักขึ้น เพราะการจัดเก็บภาษีทรัพย์สินและภาษีรายได้นิติบุคคลลดลง เมื่อรัฐบาลจัดเก็บภาษีไม่ได้ตามเป้าก็โยนภาระให้คนจนด้วยการเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มสินค้าที่ต้องใช้ในชีวิตประจำวัน.
...