คณะนิติศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เชิญ ร.ต.อ.ดร.นิติภูมิธณัฐ มิ่งรุจิราลัย พูด “กระแสโลกและทิศทางการพัฒนาประเทศ” จันทร์วันนี้ 16.00-19.00 น. ที่สถาบันบุคลากรท้องถิ่น

สหรัฐอเมริกาเป็นประเทศที่ชอบยุ่งเรื่องของคนอื่น หลายครั้งยังกล้าถึงขนาดออกกฎหมายภายในที่ไปบังคับผู้คนในประเทศอื่น ทำเหมือนกับตัวเองเป็นเจ้าโลก บางครั้งที่สมาชิกรัฐสภาคองเกรสทั้งสมาชิกวุฒิสภาและสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรออกกฎหมายให้เอกราชชาติใหม่ประเทศอื่น ประสงค์ก็คือจงใจให้เกิดความขัดแย้งแตกแยก สงครามที่เกิดขึ้นจำนวนหนึ่งเกิดจากพระราชบัญญัติที่ใช้แทรกแซงจากสภาคองเกรสนี่แหละครับ

ธันวาคม 2561 สภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภาสหรัฐฯ มีมติเสียงข้างมากผ่านร่างพระราชบัญญัติการเข้าสู่ทิเบต ข้อใหญ่ใจความของพระราชบัญญัติฉบับนี้ก็คือ ให้คนอเมริกันเข้าเขตปกครองตนเองทิเบตของจีนได้ง่ายขึ้น กว้างขึ้น ไม่ว่าจะเป็นนักการทูต นักธุรกิจ นักท่องเที่ยว ผู้สื่อข่าว ฯลฯ

พระราชบัญญัติฉบับนี้กำหนดบทลงโทษเจ้าหน้าที่รัฐบาลจีนที่ต่อต้านการเข้าไปสู่ทิเบตได้ง่ายขึ้น กว้างขึ้น มีมาตรการตอบโต้กับข้าราชการจีนเหล่านั้นเป็นรายกรณี

เมื่อพระราชบัญญัติผ่านสภาคองเกรสก็ต้องส่งให้ประธานาธิบดีซึ่งเป็นฝ่ายบริหารลงนาม ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ก็บ้าลงนามรับรองพระราชบัญญัติฉบับนี้เมื่อพุธ 19 ธันวาคม 2561 ซึ่งเป็นวันที่พระราชบัญญัตินี้มีผลบังคับใช้

ที่จริงคนอเมริกันก็ไปเยือนเขตปกครองตนเองทิเบตได้อยู่แล้ว ตั้งแต่ พ.ศ.2558 จนถึงปัจจุบัน มีคนอเมริกันมากกว่า 4 หมื่นคนไปเยือนทิเบตมาแล้ว แต่การไปเยือนดินแดนของประเทศอื่นก็ต้องทำตามกฎหมายภายในของประเทศนั้นด้วย กฎหมายของสาธารณรัฐประชาชนจีนระบุให้ชาวต่างชาติทุกคนต้องยื่นเรื่องขอรับการพิจารณาจากรัฐบาลจีนเพื่อไปเยือนทิเบต ส่วนใหญ่รัฐบาลจีนจะอนุมัติพวกที่ยื่นไปเที่ยวทิเบตเป็นกลุ่มหรือเป็นคณะทัวร์ และให้ไปเยือนได้ในพื้นที่ที่อนุญาตเท่านั้น

...

เรื่องที่อนุญาตให้ไปเฉพาะกลุ่มกับให้เข้าได้ในพื้นที่ที่อนุญาตเท่านั้น นี่ล่ะครับที่พวกอเมริกันไม่ชอบ ถึงขนาดต้องออกกฎหมายแทรกแซงประเทศอื่น

พ.ศ.2562 สหรัฐฯจะเอาทิเบตมาเล่นจีนแรงขึ้น เพราะเป็นปีที่ครบ 60 ปีที่ท่านเทซิน กยัตโซ ทะไลลามะองค์ที่ 14 ลี้ภัยจากสาธารณรัฐประชาชนจีนไปยังเมืองธรรมศาลาทางตอนเหนือของอินเดีย ที่ผมคิดว่าสหรัฐฯ จะเล่นแรงเพราะมีสิ่งบอกเหตุหลายอย่าง อย่างหนึ่งก็คือ การออกร่างพระราชบัญญัติฉบับนี้นี่ล่ะครับ

ทะไลลามะองค์ที่ 13 มรณภาพเมื่อ พ.ศ.2476 ตอนนั้นหลายฝ่าย หลายกลุ่มพยายามจะแสวงหาทะไลลามะองค์ที่ 14 ตามแนวทางของตัวเอง เพื่อที่จะได้ทะไลลามะองค์ใหม่ซึ่งเป็นคนของตน หลังจากทะไลลามะองค์ที่ 13 มรณภาพได้ 2 ปี ก็มีเด็กชาวจีนคนหนึ่งเกิดเมื่อ พ.ศ.2478 แถวชายแดน ตั้งแต่เกิดจนอายุถึง 2 ขวบ เด็กคนนี้มีพฤติกรรมหลายอย่างที่เชื่อได้ว่าเป็นทะไลลามะองค์เดิมกลับชาติมาเกิด ข้าหลวงจีนจึงเข้าไปอุปการะและใช้เด็กคนนี้เข้าครอบครองทิเบต

ข้าหลวงจีนจึงติดต่อรัฐบาลทิเบตและพาเด็กชายผู้นี้เข้าไปที่กรุงลาซา พ.ศ.2483 จัดการทำพิธีบวชและสถาปนาขึ้นเป็น
ทะไลลามะองค์ที่ 14 ได้นามว่าเทนซิน กยัตโซ

ประชาชนคนทิเบตให้ความรักเคารพศรัทธาสวามิภักดิ์ต่อทะไลลามะองค์ที่ 14 ซึ่งตอนสถาปนาอายุ 5 ขวบองค์นี้อย่างมาก พระองค์ทรงเก่งเกินอายุและได้รับการฝึกหัดฝึกฝนเตรียมตัวสำหรับตำแหน่งผู้นำทางศาสนาและการปกครองของทิเบตเป็นอย่างดี ความสามารถของท่านได้รับการสรรเสริญมาก

สิทธิในการปกครองทิเบตจะเกิดเมื่อทะไลลามะแต่ละองค์อายุ 18 ปี แต่ตอนที่ทะไลลามะเทนซิน กยัตโซ อายุได้เพียง 15 ปี กองทัพคอมมิวนิสต์จีนก็ยกทัพเข้ารุกรานทิเบตด้านตะวันออก รัฐบาลทิเบตจึงรีบมอบอำนาจให้ทะไลลามะพระองค์นี้ก่อนถึงเวลาอันควร เพื่อให้ทะไลลามะย้ายอยู่เมืองจุมบีใกล้ชายแดนอินเดีย

เรื่องทะไลลามะน่าสนใจครับ พรุ่งนี้ขอกลับมารับใช้เรื่องนี้กันต่อ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com