หน่วยงานรัฐบาลสหรัฐฯ ชัตดาวน์บางส่วน หลังรีพับลิกับไม่สามารถรวบรวมคะแนนเสียงในวุฒิสภาให้เกิน 60 เสียงเพื่อผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่พ่วงงบสำหรับสร้างกำแพงกั้นชายแดนของทรัมป์ได้...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า หน่วยงานต่างๆ ของรัฐบาลสหรัฐฯ เข้าสู้ภาวะไม่มีงบประมาณหรือที่เรียกว่า ‘ชัตดาวน์’ บางส่วนเมื่อวันเสาร์ที่ 22 ธ.ค. หลังจากสภาคองเกรสไม่สามารถผ่านกฎหมายงบประมาณได้ เนื่องจากมีความเห็นไม่ลงรอยกันในเรื่องการบรรจุงบประมาณเพื่อสร้างกำแพงกั้นชายแดนสหรัฐฯ กับเม็กซิโก ในกฎหมายฉบับนี้
การชัตดาวน์ของสหรัฐฯ ครั้งนี้เริ่มต้นจากเมื่อวันพุธที่ 19 ธ.ค. โดย ส.ว.สหรัฐฯ ทั้งฝ่ายรีพับลิกันและเดโมแครตมีมติเห็นชอบร่างกฎหมายงบประมาณชั่วคราวที่จะทำให้หน่วยงานต่างๆ ของสหรัฐฯ เปิดทำการได้ไปจนถึงวันที่ 8 ก.พ. 2562 แต่ร่างกฎหมายฉบับนี้ไม่รวบงบประมาณในการสร้างกำแพงของนายทรัมป์
อย่างไรก็ตาม นายทรัมป์ออกมาขู่ว่าจะไม่ลงนามบังคับใช้กฎหมายงบประมาณที่ไม่มีงบสำหรับการสร้างกำแพงจำนวนอย่างน้อย 5 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ จนในที่สุดสภาผู้แทนราษฎรซึ่งตอนนี้ยังอยู่ในการควบคุมของพรรครีพับลิกันก็ผ่านกฎหมายงบประมาณซึ่งรวมงบฯ สำหรับสร้างกำแพงจำนวน 5.7 พันล้านดอลลาร์สหรัฐฯ ด้วยวันพฤหัสบดี
แต่ส.ว.รีพับลิกันไม่อาจระดมเสียงในวุฒิสภาให้ถึง 60 เสียงที่จำเป็นต้องใช้เพื่อผ่านกฎหมายฉบับนี้ได้ ในช่วงก่อนเที่ยงคืนวันศุกร์ สภาชิกสภาคองเกรสได้เข้าพบรองประธานาธิบดี ไมค์ เพนซ์ และเจ้าหน้าที่ทำเนียบขาวเพื่อหาวิธีประนีประนอมที่ทุกฝ่ายยอมรับได้ แต่การเจรจาล้มเหลวจนเวลาเลยเที่ยงคืน กฎหมายงบประมาณเก่าที่ขับเคลื่อนหน่วยงานรัฐกว่า 1 ใน 4 ก็หมดอายุลง ทำให้สหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะชัตดาวน์ครั้งที่ 3 ในรอบ 1 ปี
...
ผลจากการชัตดาวน์ครั้งล่าสุดทำให้ 9 ใน 15 กระทรวงของสหรัฐฯ รวมทั้ง กระทรวงต่างประเทศ, ความมั่นคงมาตุภูมิ, คมนาคม, เกษตร และยุติธรรม ต้องชัตดาวน์บางส่วน ลูกจ้างรัฐราว 420,000 คนที่มีหน้าที่สำคัญเช่นเจ้าหน้าที่ชายแดนและศุลกากรตอนนี้ต้องทำงานโดยไม่ได้ค่าจ้าง ขณะที่อีก 380,000 คนถูกพักงานชั่วคราวโดยไม่ได้ค่าจ้าง
ทั้งนี้ สภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภาจะหารือกันตลอดสุดสัปดาห์นี้ เพื่อหาทางคลี่คลายปัญหา ขณะที่นายทรัมป์เสนอแนะว่า นายมิตช์ แมคคอนเนล ผู้นำเสียงข้างมากในวุฒิสภาควรใช้มาตรการที่เรียกว่า ‘นิวเคลียร์ ออปชั่น’ (nuclear option) เพื่อให้วุฒิสภาซึ่งฝ่ายรีพับลิกันครองเสียงข้างมากสามารถ ผ่านกฎหมายงบประมาณชั่วคราวนี้ได้โดยใช้เพียงเสียงข้างมาก (มากกว่า 50 เสียง) ไม่ใช่ 60 เสียงแบบที่เป็นอยู่ เพื่อฝ่าทางตัน