อัยการสหรัฐฯ ระบุว่า รายงานพาวเวอร์พอยต์ที่นางเหมิง หวันโจว นำเสนอต่อธนาคาร HSBC เมื่อหลายปีก่อน เป็นหลักฐานว่าบริษัทหัวเว่ยละเมิดมาตรการคว่ำบาตร เรื่องทำธุรกิจในอิหร่าน...
สำนักข่าว ไชน่า มอร์นิง โพสต์ ของฮ่องกงรายงานเมื่อ 17 ธ.ค. ว่า สำนักงานอัยการสหรัฐฯ ใช้รายงานพาวเวอร์พอยต์ที่บริษัท หัวเว่ย ผู้ผลิตสมาร์ทโฟนรายใหญ่ของจีน ที่นาง เหมิง หวันโจว หัวหน้าเจ้าหน้าที่การเงิน (CFO) และลูกสาวประธานหัวเว่ย ยื่นต่อธนาคารฮ่องกงและเซี้ยงไฮ้แบงกิ้งคอร์ปอเรชั่น (HSBC) เมื่อปี 2556 เพื่ออธิบายความสัมพันธ์ระหว่างหัวเว่ยกับบริษัทสกายคอม ซึ่งเป็นหุ้นส่วนทำธุรกิจในอิหร่าน เป็นหลักฐานว่าหัวเว่ยหลบเลี่ยงมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ และยุโรปเพื่อทำการค้ากับอิหร่าน
ไชน่า มอร์นิง โพสต์ เผยว่า ตามที่ระบุในคำร้องขอให้แคนาดาจับกุมตัวนางเหมิงของสหรัฐฯ พาวเวอร์พอยต์ดังกล่าวมีจำนวน 17 สไลด์จัดทำโดยนางเหมิงเป็นภาษาจีน และแปลเป็นภาษาอังกฤษด้วยความช่วยเหลือของล่ามให้ถูกต้องตามคำพูดของเธอ โดยหัวเว่ยนำมาเปิดเผยในศาลสูงสุดรัฐบริติชโคลัมเบีย ของแคนาดา ที่ผู้พิพากษาอนุญาตให้ประกันตัวนางเหมิงด้วยวงเงิน 10 ล้านดอลลาร์แคนาดา เพื่อรอการพิจารณาส่งตัวไปรับโทษในสหรัฐฯ
พาวเวอร์พอยต์ระบุว่า หัวเว่ยทำธุรกิจในอิหร่านตามกฎหมาย, ข้อบังคับ และมาตรการคว่ำบาตรของสหประชาชาติ, สหรัฐฯ และสหภาพยุโรป ส่วนสกายคอมเป็นหุ้นส่วนธุรกิจ ที่ร่วมกับหัวเว่ยในการขายและให้บริการในอิหร่าน หัวเว่ยเคยเป็นผู้ถือหุ้นในสกายคอม และนางเหมิงก็เคยเป็นสมาชิกบอรด์บริหารของสกายคอม เพื่อให้การบริหารจัดการความเป็นหุ้นส่วนกันทำได้ง่ายขึ้น
...
อย่างไรก็ตาม รายงานระบุต่อว่า ความสัมพันธ์ดังกล่าวไม่จำเป็นแล้วเพราะหัวเว่ยจะทำธุรกิจกับสาขาในอิหร่าน หัวเว่ยจึงขายหุ้นทั้งหมดในสกายคอม และนางเหมิงลาออกจากตำแหน่งบอร์ดบริหาร

อัยการสหรัฐฯ และทนายความของนางเหมิงเห็นตรงกันว่า พาวเวอร์พอยต์นี้ซึ่งผ่านการแปลจากล่ามเป็นภาษาอังกฤษแล้ว มีเป้าหมายเพื่อคลายความกังวลของธนาคาร HSBC ที่กังวลว่า หัวเว่ย ที่ร่วมกับบริษัทสกายคอม ในฮ่องกง อาจกำลังละเมิดมาตรการคว่ำบาตรของสหรัฐฯ ด้วยการทำธุรกิจในอิหร่าน และขอให้ HSBC ทำแบบเดียวกัน แต่สหรัฐฯ ระบุว่าด้วยว่า รายงานนี้เต็มไปด้วยคำโกหกและการชี้นำที่ผิด ซึ่งทนายของนางเหมิงปฏิเสธ
“โดยที่ธนาคารไม่รู้ พวกเขาทำธุรกิจกับสกายคอมที่ฝ่าฝืนการคว่ำบาตรโดยไม่เจตนา” จอห์น กิบบ์-คาร์สลีย์ ทนายความของรัฐบาลแคนาดา ซึ่งทำให้ที่เป็นตัวแทนฝ่ายสหรัฐฯ ในการพิจารณาคดีกล่าว “เมื่อธนาคารเริ่มเป็นกังวลเกี่ยวกับความสัมพันธ์ระหว่างหัวเว่ยกับสกายคอม หลังสำนักข่าวรอยเตอร์สเผยแพร่บทความเรื่องความเชื่อมโยงระหว่างนางเหมิงกับบริษัทดังกล่าวออกมา นางเหมิงก็พยายามควบคุมความเสียหาย และนำเสนอรายงานแก่ธนาคารต่างๆ ด้วยตัวเอง ว่าหัวเว่ยและสกายคอม ไม่เกี่ยวข้องกัน”
“แต่ที่จริงแล้วพวกเขาเกี่ยวข้องกัน” นายกิบบ์-คาร์สลีย์กล่าวในศาล “สกายคอมคือหัวเว่ย นี่เป็นปมของการบิดเบือนความจริง” คำร้องของสหรัฐฯ ระบุอีกว่า สกายคอมทำหน้าที่เป็นสาขาหลักของหัวเว่ยในอิหร่าน เพื่อให้ได้รับบริการทางการเงินจากธนาคารต่อไป ซึ่งนางเหมิงและหัวเว่ยโกหกเรื่องความสัมพันธ์นี้มาตลอด เพื่อให้หัวเว่ยสามารถโยกย้ายเงินออกจากอิหร่านและประเทศที่ถูกคว่ำบาตรอื่นๆ ผ่านธนาคารต่างๆ รวมทั้งธนาคาร ‘ไฟแนนเชียล อินสติตูชัน 1’ ที่ทีมกฎหมายของนางเหมิงระบุว่าเป็นธนาคาร HSBC และมีเงินถูกโอนหลายร้อยล้านดอลลาร์สหรัฐฯ