เฮอร์ริเคนมาเรียที่เข้าพัดถล่มประเทศในหมู่เกาะแคริบเบียนเมื่อปีที่แล้ว ได้ก่อความเสียหายในวงกว้างแก่ประเทศโดมินิกา แต่ในความร้ายกาจของเฮอร์ริเคนลูกนี้กลับสำคัญต่อการศึกษาทางโบราณคดี เนื่องจากนักมานุษยวิทยาจากมหาวิทยาลัยนอร์ธเวสเทิร์น ในรัฐอิลลินอยส์ แห่งสหรัฐอเมริกาที่ทำงานวิจัยทางประวัติศาสตร์กับหน่วยงานด้านมรดกของชาติแห่งโดมินิกา เผยว่าพลังรุนแรงของเฮอร์ริเคนมาเรียทำให้พบรากฐานของสถาปัตยกรรมโรงแรมขนาดเล็กและคลังสินค้าโบราณที่เคยใช้งานในช่วงต้นศตวรรษที่ 17 และถูกทอดทิ้งในช่วงต้นศตวรรษที่ 18
ทีมนักสำรวจได้ทำการขุดค้นใต้ฐานอาคารดังกล่าว ซึ่งระบุว่าสามารถย้อนกลับไปถึง พ.ศ.2020-2183 และยังได้พบสิ่งประดิษฐ์หลายชิ้นที่หลงเหลืออยู่ ไม่ว่าจะเป็นเซรามิกจากยุโรป, ลูกปัดแก้ว, จี้เปลือกหอย, กริ่งระฆัง หรือเซรามิกประเภทเอิร์ธเทินแวร์ (Earthenware) ที่เรียกว่าคาโย (Cayo) ทำจากดินเผาเนื้อแน่นเคลือบมันวาว ฯลฯ ซึ่งสิ่งประดิษฐ์เหล่านี้สร้างขึ้นมาจากการหลอมรวมทางความคิดและเทคโนโลยีการผลิตของชนพื้นเมืองบรรพบุรุษ ที่ผสมผสานประเพณีของแอฟริกาและยุโรปไว้ด้วยกัน
การค้นพบนี้จึงนับว่ามีความสำคัญอย่างมาก เพราะจะช่วยให้นักวิจัยสามารถตรวจสอบทำความเข้าใจถึงปฏิสัมพันธ์ในช่วงต้นและการค้าระหว่างชนพื้นเมือง ซึ่งเป็นชาวแอฟริกันและยุโรปที่อาศัยอยู่ในโดมินิกา รวมกับอีกหลายๆประเทศในแถบทะเลแคริบเบียน.
Credit : Northwestern University