สิ่งที่ผมอ่านมาตั้งแต่ปลายปีที่แล้วเป็นต้นมาก็คือ คำปราศรัยของสี จิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ที่รายงานต่อสมัชชาผู้แทนครั้งที่ 19 เมื่อวันที่ 18 ตุลาคม 2560 เรื่องหนึ่งที่นายสีพูดก็คือ การปฏิรูปกองทัพ ผมขอลอกคำพูดของนายสีดังนี้ครับ

“ต้องสืบทอดยีนสีแดง แบกรับภาระหนักสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง สร้างเกียรติภูมิของทหารให้ดีขึ้น ให้ทหารยุคใหม่มีวิญญาณ มีฝีมือ มีจิตใจแข็งแกร่ง ตรงไปตรงมา มีจริยธรรม รักษาคุณสมบัติของกองทัพประชาชนไปชั่วนิรันดร์”

“เราต้องให้ทหารเป็นทหารมืออาชีพ...พัฒนาระบอบการทหารลัทธิสังคมนิยมลักษณะจำเพาะของจีน หลักของการสู้รบให้มาจากความรู้ทางวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี บ่มเพาะบุคลากรทางการทหารให้กองทัพทันสมัย มีการบริหารกองทัพอย่างเข้มงวดและใช้กฎหมายปกครองกองทัพ”

“กองทัพต้องพร้อมรบ พลังสู้รบอยู่ที่การรวมศูนย์เพื่อให้รบชนะ รักษาประเทศให้ปลอดภัยในสถานที่สืบทอดต่อกันมาและให้มีความปลอดภัยในสถานที่ใหม่... จะต้องเร่งสติปัญญาทางการทหารให้เร็วขึ้น มีสมรรถภาพการสู้รบทั่วประเทศ ต้องสามารถควบคุมวิกฤติ ยับยั้งสงคราม และรบชนะสงคราม”

“ความเป็นประเทศร่ำรวยและความเข้มแข็งทางการทหารต้องเป็นหนึ่งเดียว ต้องปฏิรูปอุตสาหกรรมวิทยาศาสตร์เทคโนโลยีป้องกันประเทศจริงจัง ให้ทหารและประชาชนอยู่กันได้อย่างแนบแน่น จัดตั้งองค์กรควบคุมและปกป้องทหารที่เกษียณแล้ว รักษาผลประโยชน์ที่ถูกต้องตามกฎหมายของทหารและครอบครัวทหาร ให้ทหารเป็นทหารอาชีพที่ทุกสังคมนับถือ ต้องปฏิรูปกองตำรวจที่ติดอาวุธ และสร้างความทันสมัยแก่กองตำรวจที่ติดอาวุธ”

“สหายทั้งหลาย กองทัพเป็นกองทัพของประชาชน การป้องกันประเทศของเราเป็นการป้องกันประเทศของประชาชน ต้องสร้างความสามัคคีระหว่างกองทัพกับรัฐบาล ระหว่างทหารกับประชาชน เพื่อให้บรรลุความใฝ่ฝันของจีน และบรรลุความฝันที่ต้องการให้กองทัพเข้มแข็ง”

...

คำปราศรัยของนายสีที่รายงานต่อสมัชชาผู้แทนครั้งที่ 19 แยกได้ 13 เรื่อง ที่ผมเรียนไปข้างบนเป็นแค่เรื่องของการสร้างกองทัพให้เข้มแข็ง คำปราศรัยของนายสีไม่ใช่เป็นคำปราศรัยลอยๆ ครับ แต่มีการปฏิบัติกันอย่างจริงจัง

กลางสัปดาห์ที่แล้ว กองทัพประชาชนออกแถลงการณ์ปลดและไล่ 2 นายพลอาวุโสข้อหารับสินบนและร่ำรวยผิดปกติ คนแรกที่โดนคือ พลเอกอาวุโสฝาง เฟิงฮุย ประธานกรมเสนาธิการร่วม คณะกรรมาธิการทหารกลาง และพลเอกจาง หยาง

ตอนที่พลเอกฝาง เฟิงฮุย เป็นประธานกรมเสนาธิการทหารร่วม แกเดินทางมาเมืองไทยพบพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และพลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ รองนายกฯ และรัฐมนตรีกลาโหม เมื่อเดือนพฤษภาคม 2560

หลังจากพลเอกฝาง เฟิงฮุย กลับจากไทยไม่กี่เดือน ทั้งคู่ก็โดนจับและถูกนำไปสอบสวน พลเอกจาง หยาง โดนข้อหารับสินบนและร่ำรวยผิดปกติ แถมยังมีนายทหารเกี่ยวพันกับการทุจริตที่เกี่ยวเนื่องกับพลเอกจาง หยาง อีก 300 นาย เป็นจำนวนเงิน 100 ล้านหยวน หรือประมาณ 500 ล้านบาท พลเอกจาง หยาง ทนความอัปยศอดสูไม่ไหวจึงฆ่าตัวตายในบ้านพักเมื่อ 23 พฤศจิกายน 2560

กองทัพประณามว่า พลเอกจาง หยาง หนีการลงโทษด้วยการฆ่าตัวตายนำความเสื่อมเกียรติและทำลายภาพลักษณ์ของกองทัพอย่างมาก ส่วนคณะกรรมการกลางพรรคคอมมิวนิสต์จีนเห็นสมควรให้ลบชื่อจาง หยาง ออกจากการเป็นสมาชิกพรรค และยึดทรัพย์สินทั้งหมดให้ตกเป็นของแผ่นดิน

กองทัพปฏิวัติประชาชนจีนยังออกแถลงการณ์อีกว่า พลเอกฝาง เฟิงฮุย ไม่จงรักภักดีต่อพรรคคอมมิวนิสต์และมีการกระทำที่ทรยศต่อพรรคและกองทัพ ต้องสงสัยในการทุจริตรับสินบน ร่ำรวยผิดปกติ การสอบสวนของกองทัพได้สิ้นสุดกระบวนการลงแล้ว

พ.ศ.2559 นายพลกว๋อ ป๋อเซียง และนายพลสวี่ ไฉ่โฮ่ว ซึ่งเป็นผู้บริหารกองทัพระดับสูงของจีน ก็โดนปลดออกจากตำแหน่งและโดนคดีทุจริตคอร์รัปชัน

หลายท่านเกรงว่าประธานาธิบดีสีกำลังสร้างศัตรูกับบุคคลในกองทัพ และเป็นอันตราย แต่เท่าที่สอบถามตามข่าว พบว่าทหารระดับกลางและระดับล่างกลับชอบ นอกจากนั้น ยังได้ใจประชาชน

ประธานาธิบดีสีตัดสินใจเลือกประชาชนเป็นหลังพิงขนาดใหญ่ให้ตนเอง แทนที่จะเป็นกองทัพ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com