สงครามการค้าระหว่างสหรัฐอเมริกา-จีนบานปลาย หลังจากจีนรอจนกว่าสหรัฐฯ จะแสดงความจริงใจจึงยอมเจรจาใหม่ และเริ่มมีคนประท้วงไม่พอใจ โดนัลด์ ทรัมป์ ถึงขั้นทำลายไอโฟนเป็นสัญลักษณ์
หลังจากสัปดาห์ที่แล้ว คณะทำงานของประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ บังคับใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนอีกรอบ ในวงเงิน 2 แสนล้านดอลลาร์ และจีนตอบโต้ด้วยการใช้มาตรการเก็บภาษีนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ วงเงิน 6 หมื่นล้านดอลลาร์ รวมแล้วคนละประมาณ 6 พันรายการ
เป็นกำแพงภาษีที่ทั้งสองประเทศก่อให้สูงขึ้นเรื่อยๆ แม้ว่าเมื่อต้นเดือน ก.ย.ที่ผ่านมา เอกชนรายใหญ่อย่างบริษัทแอปเปิลได้สื่อสารถึงประธานาธิบดีสหรัฐฯ ว่า มาตรการภาษีนี้จะกระทบต่อสินค้าของแอปเปิลหลายรายการ น่าห่วงว่าไอโฟนจะแพงขึ้น เพราะผลิตในโรงงานที่จีน แต่ทรัมป์ ก็คือทรัมป์ ออกมาทวีตกลับว่าราคาสินค้าแอปเปิลจะแพงขึ้น แต่ก็มีทางแก้ คือให้กลับมาตั้งโรงงานที่สหรัฐฯ แทน
สงครามการค้ายังกลายเป็นสงครามการสาดวาจากัน เมื่อล่าสุดจีนออกมาเรียกร้องให้สหรัฐฯ เลิกกล่าวหาว่าจีนพยายามแทรกแซงการเลือกกลางเทอมในสหรัฐฯ เดือน พ.ย.นี้
...
เหตุการณ์ล่าสุดที่สะท้อนความตึงเครียดต่อทั้งสองประเทศ มีรายงานจากสำนักข่าวรอยเตอร์ส คือ มีผู้ประท้วงรวมตัวกันที่สถานกงสุลสหรัฐฯ ในฮ่องกง เพื่อต่อต้านประธานาธิบดี ทรัมป์ โดยมี “ไอโฟน” ที่ถูกทุบพังเป็นสัญลักษณ์ พร้อมเผาป้ายที่มีรูปหน้าทรัมป์ และข้อความให้ออกไป.