สำนักข่าวต่างประเทศรายงานอ้างการเปิดเผยของเจ้าหน้าที่กระทรวงสาธารณสุข ในงานประชุมการแพทย์มณฑลยูนนาน ตอนใต้ของจีน ระบุว่าจำนวนประชากรที่ติดเชื้อภูมิคุ้มกันบกพร่อง (เอชไอวี) หรือโรคเอดส์ได้เพิ่มขึ้นถึง 14 เปอร์เซ็นต์ โดยมีการตรวจพบผู้ติดเชื้อใหม่ถึง 40,000 เคส ในช่วงไตรมาสที่สองของปี 2561 ขณะที่จำนวนผู้ติดเชื้อภายในประเทศจีนมีมากกว่า 820,000 คน

กระทรวงสาธารณสุขจีนระบุว่า ที่ผ่านๆมาการติดเชื้อเอชไอวีในจีนส่วนมากเกิดจากการให้เลือดที่ปนเปื้อนเอชไอวี ซึ่งปัจจุบันนี้ยอดผู้ติดเชื้อจากกรณีดังกล่าวลดลงเหลือเกือบศูนย์ อย่างไรก็ตาม ผู้ติดเชื้อรายใหม่ในช่วงปีต่อปี ได้เพิ่มเกือบ 100,000 คน ขณะที่ยอดผู้ติดเชื้อใหม่ในช่วง ไตรมาสสองพบว่า 93.1 เปอร์เซ็นต์ ได้รับเชื้อจากการมีเพศสัมพันธ์

ขณะที่สำนักข่าวบีบีซีของอังกฤษระบุด้วยว่า การแพร่ระบาดของเชื้อเอชไอวีในกลุ่มคนรักร่วมเพศชาวจีนถือเป็นปัญหารุนแรง และงานวิจัยยังบ่งชี้ว่าด้วยเหตุที่สังคมจีนมีความอนุรักษนิยมสูง จึงทำให้คนรักร่วมเพศ 70-90 เปอร์เซ็นต์ ตัดสินใจแต่งงานกับผู้หญิงในท้ายสุด ซึ่งผู้ชายกลุ่มนี้ก็จะแพร่เชื้อไปยังผู้หญิงที่ตนแต่งงานด้วย.