จากเหตุการณ์การเข้าจับกุมนางสาวนัฐริยา เลิศประเสริฐ ชื่อเล่นว่า มิ้น หรือ มิ้นนี่ อดีตพนักงานการตลาด ศูนย์แนะแนวการศึกษาต่อต่างประเทศแห่งหนึ่งในนครซิดนีย์ โดยตำรวจนอกเครื่องแบบรัฐนิวเซาท์เวลส์ ผู้สื่อข่าวไทยรัฐ ประจำประเทศออสเตรเลีย ได้เกาะติดสถานการณ์และเร่งลงพื้นที่ในทันที โดยเดินทางไปยังสถานีตำรวจ เดย์ สตรีท, ซิดนีย์ ซึ่งตอนนี้ใช้เป็นศูนย์ประสานงานคดีฉ้อโกงในเคสนี้โดยเฉพาะ ในเบื้องต้น ผู้สื่อข่าวติดต่อ นางสาวการะเกด (นามสมมติ) 1 ในผู้เสียหาย และผู้ประสานงานของกลุ่มผู้เสียหาย ซึ่งแจ้งผู้สื่อข่าวว่า เวลาประมาณ 12.00 น. ผู้เสียหายชุดเก่าที่ได้แจ้งความกับเจ้าหน้าที่เอาไว้แล้ว จะมาแจ้งข้อกล่าวหาเพิ่มเติมอีก ส่วนผู้เสียหายชุดใหม่ที่ยังไม่ได้แจ้งความ ก็จะเข้ามาเพื่อแจ้งความกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเช่นกัน
...
ในเวลาประมาณ 12.00 น. ของวันที่ 19 ก.ย. เริ่มมีผู้เสียหายที่เป็นชาวไทย ทยอยเดินทางเข้ามายังสถานีตำรวจหนาตาขึ้น ซึ่งจากการสอบถาม พบว่าส่วนใหญ่เป็นผู้ที่ได้รับวีซ่าอยู่อาศัยถาวร และได้รับการสปอนเซอร์จากบริษัทที่ตนเองทำงานอยู่อีกด้วย หลังจากผู้สื่อข่าวได้รับการแนะนำจาก นางสาวการะเกด กับกลุ่มผู้เสียหายแล้ว จึงเต็มใจที่จะให้ผู้สื่อข่าวได้สัมภาษณ์
หนึ่งในผู้เสียหายซึ่งเป็นนักธุรกิจเผยว่า เมื่อปี 2555 มิ้นนี่ ทำงานอยู่กับบริษัทเอเย่นต์ชื่อ เอเอพลัส เป็นเอเย่นต์ของคนไทย เจ้าของเป็นญาติกับมิ้นนี่ด้วย ยังไล่นางสาวมิ้นนี่ออกจากบริษัท เพราะโกงเงินนักเรียน จากนั้นมิ้นนี่ก็ได้มาทำงานที่ใหม่ แล้วยื่นใบแจ้งคุณสมบัติผู้สมัครงานระบุว่าตัวเองเป็นเอเย่นต์ของนักเรียน แต่เป็นเอกสารปลอม มีการพิสูจน์มาแล้วด้วย ทุกอย่างปลอมหมดเลย แล้วพอมาปี 2558 ก็ได้วีซ่าทำงานที่บริษัท ไมเกรชั่น เอเย่นต์ ซึ่งตั้งแต่ได้ทำงานที่นี่ก็โกงมาโดยตลอด ซึ่งผู้เสียหายเป็น ซับเอเย่นต์ ส่งเด็กนักเรียนมาจากไทย แล้วก็โดนโกง โรงเรียนต่างๆ ที่ส่งเด็กนักเรียนไปเรียนต่างก็รู้หมดว่าเธอเลวร้ายขนาดไหน และจะไม่รับนักเรียนจากเอเย่นต์คนนี้ และขึ้นบัญชีดำไว้อีกด้วย
ส่วนกรณีของตัวเอง มิ้นนี่มายืมเงินเพื่อเอาไปทำ แบงก์ สเตตเมนต์ (รายงานการเคลื่อนไหวทางบัญชี) ให้กับเด็กนักเรียน เป็นจำนวน 100,000 ดอลลาร์ออสเตรเลีย โดยบอกว่าจะให้ผลประโยชน์ เป็นค่าคอมมิชชั่น 5 เปอร์เซ็นต์ต่อเดือน ซึ่งก็ทำแบบนี้กับมิ้นนี่มา ตั้งแต่ปี 2559 ตั้งแต่ยอดเงินที่ไม่มาก แล้วก็ค่อยๆ ยืมมากขึ้นเรื่อยๆ แต่ได้รับเงินค่าคอมมิชชั่นมาโดยตลอด จนกระทั่งเดือนกรกฎาคมที่ผ่านมาเริ่มที่จะไม่ให้ และก็เงียบหายไปในที่สุด ส่วนที่มาสถานีตำรวจในวันนี้ก็อยากจะแจ้งความในข้อหาทำเอกสารปลอมหลายฉบับ เช่น สลิปเงินของธนาคาร, ใบรับรอง, ใบอนุปริญญา (diploma)ให้เด็กนักเรียน จนโรงเรียนจับได้ว่าเป็นของปลอม เพราะเอาไปยื่นขอวีซ่ากับสำนักงานตรวจคนเข้าเมือง ซึ่งก็ถือว่าเป็นคดีอาญาอีกด้วย
...
รายที่ 2 เป็นนักเรียนการตลาด เล่าว่า ชำระค่าเล่าเรียนไปกับ มิ้นนี่ เพื่อที่จะเรียนการตลาด ในระดับอนุปริญญาในเทอมแรกกับ มิ้นนี่ ซึ่งก็ได้ใบเสร็จรับเงินสดมา ซึ่งก็เป็นของเอเย่นต์ แต่ท้ายสุดโรงเรียนที่เราจ่ายเงินไปผ่านทางเอเย่นต์ที่มิ้นนี่ทำอยู่ มาทวงเงินกับเรา บอกว่ายังไม่ได้จ่ายเงิน ส่วนเหตุผลที่ต้องจ่ายผ่านทางเอเย่นต์ เพราะว่าจะได้ส่วนลด ซึ่ง มิ้นนี่ ก็บอกปฏิเสธตลอดว่าได้จ่ายเงินกับทางโรงเรียนไปแล้ว และไม่ขอรับผิดชอบใดๆ ทั้งสิ้น
รายที่สามเป็นพนักงานนวด ซึ่งเพื่อนผู้เสียหายเป็นผู้เล่าระบุว่า มีพี่ที่รู้จักกัน แนะนำให้รู้จักว่าถ้าให้ มิ้นนี่ ยืมเงินก็จะได้รับค่าตอบแทนเป็นเงินคอมมิชชั่น 5 เปอร์เซ็นต์ต่อสัปดาห์ ซึ่งตัวเองก็เห็นว่า ค่าตอบแทนดีมาก และเร็วดีกว่าเก็บเงินไว้ในธนาคารเสียอีก ก็เลยให้ มิ้นนี่ ยืมเงินไป เป็นจำนวนเงิน 12,000 ดอลลาร์ ก็ได้ค่าคอมฯ มาตลอด 2 เดือน พอตอนหลังก็เริ่มให้ช้าลง จากนั้นก็หายไป ซึ่งเงินจำนวนนี้เป็นเงินที่ตัวเองหาเองทั้งสิ้น รู้สึกเสียดายมาก แต่ก็ไม่รู้จะทำอย่างไร ได้แต่มารวมกลุ่มกับพี่ๆ เค้า มาแจ้งความในวันนี้ค่ะ.
...
โดยทั้ง 3 เคสนี้ เป็นเพียงแค่เคสตัวอย่างเท่านั้น นางสาวมิ้นนี่ ยังได้ทำธุรกรรมปลอมกับผู้เสียหาย เช่น นักเรียน, ธนาคาร, โรงเรียน และผู้ที่ให้ยืมเงินอีกเป็นจำนวนมาก แต่ต่างกรรมต่างวาระ โดยในช่วงบ่ายของวันนี้ (19 ก.ย. 2561) ตำรวจฝ่ายสืบสวน สเตฟานี่ วอร์ด ตำรวจที่รับผิดชอบคดีฉ้อโกงของนางสาวมิ้นนี่ ได้เข้ามาให้คำปรึกษากับกลุ่มผู้เสียหาย พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิ ก็มาให้คำแนะนำถึงการยื่นแบบฟอร์ม เพื่อแจ้งข้อกล่าวหา ให้กับกลุ่มผู้เสียหายอีกด้วย ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจ ยังได้บอกกับผู้สือสื่อข่าวว่า ในขั้นตอนต่อไปจากนี้ จะเป็นการขึ้นศาล ส่วนจะมีการขึ้นศาลเมื่อใด ตำรวจจะแจ้งให้กับผู้เสียหายทราบในโอกาสต่อไป.
...