ตอนที่เป็นนายกรัฐมนตรีเมื่อ พ.ศ.2542 ปูตินสร้างหลักสูตรสำหรับเตรียมเยาวชนอายุ 17 ปีที่มีแววเป็นผู้นำ ให้ไปสัมมนาสัปดาห์ละ 1-2 วัน
ผู้ที่ผ่านการอบรมจากหลักสูตรเตรียมผู้นำเหล่านี้ เมื่อเรียนจบอุดมศึกษาแล้ว ก็มักจะถูกส่งไปเป็นผู้บริหารท้องถิ่น คนที่เข้าอบรมเมื่อ พ.ศ. 2542 ปัจจุบันก็อายุระหว่าง 36 ปี มีประสบการณ์เพียงพอที่จะบริหารชาติบ้านเมืองต่อไป สื่อตะวันตกมักจะชอบเขียนว่าอนาคต พอหมดปูตินแล้ว รัสเซียจะขาดผู้นำประเทศ เมื่อสื่อรัสเซียนำเสนอว่า รัสเซียมีคณะผู้นำที่เตรียมเอาไว้แล้ว สื่อตะวันตกก็มักจะแย้งว่า ผู้คนไม่รู้จักผู้บริหารระดับกลางเหล่านี้
ขอเรียนว่าไม่จริงนะครับ ใครที่ติดตามความเคลื่อนไหวของสื่อมวลชนรัสเซียในพื้นที่ 85 จังหวัด ก็จะรู้จักผู้บริหารเหล่านี้เป็นอย่างดี แต่คนที่อ่านข่าวรัสเซียในสื่อระดับนานาชาติก็จะไม่คุ้นชินกับชื่อเหล่านี้ ขอยืนยันอีกครั้งครับว่า รัสเซียจะไม่ขาดผู้นำ ไม่ว่าจะระดับใดในอนาคตแน่นอน
สมัยยังเป็นโซเวียต รัสเซียเตรียมผู้สืบทอดทางการเมืองในหลายระดับและหลายระบบ แต่ไม่ได้เตรียมมาจากฝ่ายทหาร ในกองทัพจะมีกรมอยู่กรมหนึ่งที่พรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพ โซเวียตเข้าไปดูแลทรัพยากรมนุษย์ กรมนั้นชื่อ “กรมใหญ่การเมือง” หรือ Chief Political Department, Ministry of Defense คนจากกรมใหญ่การเมืองไม่ได้สำคัญที่ยศ จะมีอนาคตหรือไม่อยู่ที่ผู้นำคนนั้นได้รับการบรรจุชื่อในบัญชี Nomenklatura of the Central Committee หรือไม่
หลายครั้งที่เลขาธิการพรรคคอมมิวนิสต์ประจำกรมใหญ่การเมืองมีอำนาจเหนือกว่าผู้บัญชาการทหาร พวกทหารอาชีพก็โตไปทางสายทหาร ไม่มาเกี่ยวดองหนองยุ่งกับการเมือง ส่วนเลขาธิการพรรคที่ถูกส่งไปอยู่กรมใหญ่การเมืองสามารถโตทางสายการเมืองและกลายเป็นผู้นำประเทศได้
...
แต่ไม่เคยมีผู้นำสายทหารมาเป็นผู้นำทางการเมืองเลย ยกเว้นเบรสเนฟและครุสชอฟ ซึ่งในสมัยสงครามโลกครั้งที่ 2 เบรสเนฟเป็นรองผู้บัญชาการกองพลฝ่ายการเมือง มียศพลตรี ส่วนครุสชอฟเป็นกรรมการคณะกรรมการประจำผู้บัญชาการสูงสุดของกองทัพโซเวียต
คนที่เป็นสมาชิกในบัญชีของ Nomenklatura of the Central Committee จะผ่านการอบรมซึ่งมีอยู่หลายระดับ ระดับสูงสุดที่เรียกว่า Academy of Social Science ประจำคณะบริหารงานศูนย์กลางพรรคคอมมิวนิสต์แห่งสหภาพโซเวียต
ผู้เข้าจะได้เรียนทฤษฎีคอมมิวนิสต์และการบริหารการปกครองชั้นสูง ถ้าผู้อ่านท่านไปศึกษาประวัติผู้นำของจีน เวียดนาม และ สปป.ลาว ในปัจจุบัน ส่วนใหญ่ก็จบสถาบันนี้ทั้งนั้น
การเรียนเพื่อเป็นผู้นำของประเทศเหล่านี้มี 3 ระดับ ระดับแรกคือ การอบรมระยะสั้น ซึ่งไม่ต้องเรียนภาษารัสเซีย เพราะจะมีล่ามแปล ส่วนมากที่ไปเรียนคือผู้นำระดับกลาง ระดับที่ 2 จะต้องเรียน 2 ปี เป็นการสอนเจ้าหน้าที่ที่กำลังจะขึ้นเป็นรองปลัดกระทรวง อธิบดี หรือรองผู้ว่าที่มีอายุน้อยและมีอนาคต พวกระดับสองนี้จะต้องเรียนเป็นภาษารัสเซียระดับที่ 3 หลักสูตรปริญญาเอกที่เรียน 3 ปี เรียนเป็นภาษารัสเซีย คนที่จะมาเรียนปริญญาเอกที่สถาบันนี้ ก็จะรู้เลยว่าต่อไปอนาคตตัวเองจะได้เป็นผู้นำระดับสูงของประเทศ อย่างนายกรัฐมนตรีของ สปป.ลาวท่านปัจจุบันก็จบระดับที่ 3 จากสถาบันแห่งนี้
หลังจากโซเวียตล่มและกลายเป็นสหพันธรัฐรัสเซีย สถาบันแห่งนี้ก็ได้รับการเปลี่ยนชื่อเป็น Presidential Academy of Government Service and Governance หรือสถาบันอบรมข้าราชการระดับสูงและการบริหารภาครัฐประจำสำนักประธานาธิบดี
ท่านใดที่อยากจะเห็นสถาบัน เชิญท่านนั่งรถไฟใต้ดินในกรุงมอสโกไปลงที่สถานียูกาซาปัดนายา ถ้าท่านมาจากใจกลางเมืองสถาบันจะอยู่ทางขวามือของสถานี เป็นอาคารขนาดใหญ่ มองจากสถานีจะเห็นอาคาร 22 ชั้น 3 ตึก 3 อาคารนี้เป็นแค่หอพักนะครับ หอพักและบริการเหมือนโรงแรมทุกประการ ส่วนอาคารเรียนมี 2 อาคาร เป็นตึก 4 และตึก 5 ชั้น แต่ยาวและกว้างมาก
หากรัฐบาลไทยเจรจากับทางรัฐบาลรัสเซียและส่งข้าราชการและนักการเมืองไทยไปเรียนที่นี่ก็จะเป็นประโยชน์มาก เพราะจะได้เครือข่ายทั้งรัสเซีย จีน เวียดนาม และประเทศอื่น เป็นประโยชน์ต่อประเทศของเรามากครับ.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
pasalok1998@gmail.com