การเลือกตั้งกัมพูชาเมื่อ 29 กรกฎาคม 2561 เป็นชัยชนะของจอมพล สมเด็จอัครมหาเสนาบดีเดโชฮุนเซน+พรรคประชาชนกัมพูชา+รัฐบาลของสาธารณรัฐประชาชนจีน นี่เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์การเมืองกัมพูชา ที่พรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งชนะการเลือกตั้งได้จำนวนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรทุกที่นั่งในสภาครบทั้ง 125 คน

การเลือกตั้งกัมพูชาครั้งที่ 6 จะเป็นตัวอย่างให้กับอีกหลายประเทศในการบริหารการเลือกตั้งเพื่อให้พรรคของตนเองชนะ โดยที่ไม่ให้คู่แข่งลงสู่สนามเลือกตั้ง เพราะทำผิดกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง

ผมอยากจะรับใช้การเมืองการเลือกตั้งของกัมพูชาสัก 2-3 วัน และผมเชื่อว่า ผมเป็นคนหนึ่งที่ได้ทราบข้อมูลจากหู จากตา และจากการไปนั่งคุยกับหัวหน้าฝ่ายค้านในสภาผู้แทนราษฎรกัมพูชาด้วยตนเอง จึงพอมองเห็นเครื่องมือทางกฎหมายที่รัฐบาลใช้กำจัดคู่แข่ง โดยที่ฝ่ายค้านเองก็เดินสะดุดขาของตนเองล้มคว่ำคะมำหงายอย่างนึกไม่ถึง

ผมเชื่อว่าโมเดลนี้จะถูกนำมาใช้กับเพื่อนบ้านหลายประเทศ ซึ่งอาจจะมีพรรคการเมืองเด่นบางพรรคทำผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญและกฎหมายเลือกตั้ง เช่น ยังไม่มีการประชุมจัดตั้งพรรคการเมืองตามพระราชบัญญัติประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยพรรคการเมือง แต่ดันมีการเลือกหัวหน้าพรรค เลขาธิการพรรค เหรัญญิกพรรค นายทะเบียนสมาชิก และกรรมการอื่นๆ รวมทั้งมีการกระดิกพลิกตัวหลายอย่างที่ผิดกฎหมาย รัฐบาลก็อาจจะนำการกระทำความผิดเหล่านี้ไปให้ศาลตัดสิน ทำให้ฝ่ายรัฐบาลไม่มีคู่แข่งที่แข็งแรงอย่างเช่นที่พรรคประชาชนกัมพูชากำจัดพรรคกู้ชาติกัมพูชาสำเร็จมาแล้วในการเลือกตั้งครั้งที่ 6 ของประเทศ จนได้ ส.ส.ของพรรคตนเองทุกที่นั่ง

พ.ศ.2497-2536 เกือบ 40 ปีที่กัมพูชาไม่สงบ และทำให้กลุ่มคอมมิวนิสต์ได้อำนาจปกครองประเทศระหว่าง พ.ศ. 2518-2522 และทำให้คนเขมรหลายล้านถูกฆ่าตาย คนที่ยังมีชีวิตอยู่ก็แตกแยกแย่งอำนาจกันไม่จบไม่สิ้น

...

เมื่อเวียดนามส่งทหารบุกเข้ายึดกรุงพนมเปญได้ กลุ่มอาเซียน+สหประชาชาติ+มหาอำนาจบางประเทศ ก็ช่วยกันทำให้เกิดความปรองดอง และมีการเลือกตั้งครั้งแรกได้สำเร็จเมื่อ พ.ศ.2536

คนที่ทำให้กัมพูชาอยู่ในสถานะไม่มั่นคงก็คือสมเด็จนโรดมสีหนุ พอได้รับเอกราชจากฝรั่งเศส เจ้าสีหนุก็สละตำแหน่งกษัตริย์และมาเป็นนายกรัฐมนตรีที่ใช้นโยบายสร้างกัมพูชาให้เป็นรัฐสังคมนิยมพุทธ 15 ปีที่เจ้าสีหนุปกครอง กัมพูชาไม่มีความมั่นคงเลย เจ้าสีหนุไม่ได้สถาปนาความมั่นใจให้ประชาชนคนเขมรเกิดความเชื่อถือในประเทศที่ตนเองพำนักพักอาศัยอยู่

พ.ศ. 2513 ขณะที่เจ้าสีหนุไปเยือนจีน นายพลลอนนอลร่วมกับพระญาติเจ้าสีหนุทำรัฐประหารและเปลี่ยนชื่อประเทศเป็น “สาธารณรัฐเขมร” เจ้าสีหนุก็ตั้งรัฐบาลพลัดถิ่นที่กรุงปักกิ่งโดยมีชื่ออย่างเป็นทางการว่า “รัฐบาลราชอาณาจักรสหภาพแห่งชาติกัมพูชา” นายพลลอนนอล ปฏิวัติได้แล้วก็ประหารชีวิตพระราชวงศ์เขมรไปเป็นจำนวนมาก

นายพลลอนนอลบริหารประเทศไม่เป็น และบ้านเมืองเขมรในตอนนั้นมีแต่การทุจริตคอร์รัปชัน เมื่อขาดความมั่นใจกับรัฐบาลนายพลลอนนอล ประชาชนจึงหันไปนิยมเขมรแดง ซึ่งตอนนั้นถือว่าเป็นความหวังใหม่ของประชาชน พ.ศ. 2518 นายพลลอนนอลต้องลาออกและลี้ภัยไปอยู่นอกประเทศ

เขมรแดงยึดกรุงพนมเปญได้เมื่อ 17 เมษายน 2518 จากนั้นก็ฆ่านักการเมืองในระบอบเก่าทิ้ง อพยพคนที่มีความรู้จากเมืองใหญ่ให้ไปอยู่ในนิคมชนบทเพื่อทำเกษตรกรรม และสถาปนาประเทศใหม่โดยให้มีชื่อว่า “กัมพูชาประชาธิปไตย” ให้ประเทศใหม่อยู่ใต้ระบอบสาธารณรัฐสังคมนิยม ให้มีพรรคการเมืองเพียงพรรคเดียวคือ พรรคคอมมิวนิสต์กัมพูชา ให้เลิกกองทัพเดิมและจับทหารเดิมไปฆ่าทิ้งเกือบทั้งหมด แล้วตั้งกองทัพใหม่ โดยให้มีชื่อว่า กองทัพปฏิวัติกัมพูชา

ให้เรียกองค์กรรัฐบาลว่า “อังการ์เลอร์” หรือ “หน่วยเหนือ” โดยมีนายพอลพตเป็นผู้นำสูงสุดขององค์กรปฏิวัติ มีการเชิญเจ้าสีหนุมาเป็นประมุขของประเทศระหว่างเมษายน 2518-เมษายน 2519 หลังจากนั้นก็กักบริเวณเจ้าสีหนุ และประธานสภาเปรสซิเดียมที่มีชื่อว่านายเขียว สัมพัน เป็นประมุขของประเทศแทนระหว่าง 11 เมษายน 2519-7 มกราคม 2522

พรุ่งนี้มารับใช้ต่อครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com