มร.ไบรอัน เดวิดสัน เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย ให้เกียรติส่งบทความ “อนุสัญญาห้ามอาวุธเคมี เครื่องปกป้องของมวลมนุษยชาติที่ไม่ควรละเลย” ลงตีพิมพ์ใน “ไทยรัฐ” มีข้อคิดที่น่าสนใจยิ่ง
เราเห็นพ้องกันว่า การผลิต พัฒนา สะสม และใช้อาวุธอันเป็นเครื่องมือแห่งความตายเช่นนี้ไม่ควรเกิดขึ้นอีก และผู้ใดที่ใช้อาวุธเคมีต้องได้รับโทษโดยไม่มีละเว้น แต่ข้อตกลงและมาตรฐานเหล่านี้กำลังสั่นคลอน เพียงนับตั้งแต่ต้นปี 2560 กลับมีการใช้อาวุธเคมีกับพลเรือนแล้วทั้งในซีเรีย อิรัก สหราชอาณาจักร และในประเทศเพื่อนบ้านของไทยอย่างมาเลเซีย
เหตุการณ์เหล่านี้เป็นอันตรายใหญ่หลวงต่ออนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีและระเบียบโลกที่ยึดกฎเกณฑ์เป็นพื้นฐานในการดูแลให้ประชาชนทั้งในประเทศไทย สหราชอาณาจักร และทั่วโลกอยู่รอดปลอดภัย จึงถึงเวลาที่เราต้องปกป้องและเสริมสร้างระเบียบเหล่านี้ให้แข็งแกร่ง
เมื่อวันอังคารที่ 29 พฤษภาคมที่ผ่านมา สหราชอาณาจักรและอีกสิบประเทศได้ออกข้อเรียกร้องให้ทุกรัฐภาคีของอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีมารวมตัวกัน เราเรียกร้องให้รัฐต่างๆ ทั่วโลก รวมทั้งประเทศไทย มาร่วมกันหาทางเสริมกำลังและป้องกันอนุสัญญาอันเป็นหลักใหญ่ในกระบวนการไม่แพร่ขยายและปลดอาวุธเคมีระหว่างประเทศฉบับนี้
ประเทศไทยมีบทบาทสำคัญบนเวทีโลกในฐานะสมาชิกชั้นนำของอาเซียน และยังมีบทบาทแข็งขันในทุกภาคส่วนของสหประชาชาติ เราหวังว่าประเทศไทยจะร่วมกับเราในการปกป้องและคุ้มครองการห้ามอาวุธเคมีในระดับนานาชาติ ความร่วมมือนี้ถือเป็นการปกป้องระเบียบระหว่างประเทศ ซึ่งเป็นสิ่งจำเป็นสำหรับเราทุกคน
แม้บางฝ่ายจะพยายามวาดภาพการประชุมนี้เป็นเสมือนสนามประชันขันแข่งระดับโลก ที่แต่ละประเทศต้องถูกบีบให้เลือกข้าง แต่แท้จริงแล้วนี่คือการเลือกระหว่างหลักนิติธรรมและระบบระหว่างประเทศที่ยึดกฎเกณฑ์เป็นพื้นฐาน กับภาวะอนาธิปไตยและความเป็นไปได้อันน่าสะพรึงกลัวในอนาคตว่า เราและลูกหลานของเราอาจได้เห็นการใช้อาวุธเคมีกลายเป็นเรื่องธรรมดาดาษดื่น
...
เมื่อยี่สิบปีก่อน การถือกำเนิดขึ้นของอนุสัญญาห้ามอาวุธเคมีกลายเป็นจุดเปลี่ยนของการเมืองโลก สมาคมโลกได้ขีดเส้นชัดเจน และเห็นพ้องกันว่า การใช้อาวุธเคมีใดๆ ล้วนเป็นเรื่องน่าชิงชังและไร้เหตุผลที่จะยอมรับได้ บัดนี้ถึงเวลาแล้วที่เราต้องลุกขึ้นปกป้องรักษาคำสัญญานี้.