ทีมสอบสวนร่วมนานาชาติ แถลงผลการสืบหาข้อเท็จจริงโศกนาฏกรรม MH17 ระบุขีปนาวุธที่ถูกยิงมาโจมตีเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สตกในยูเครน เป็นของกองพลน้อยที่ 53 ของกองทัพรัสเซีย

เมื่อ 24 พ.ค.61 สำนักข่าวต่างประเทศ รายงานความคืบหน้าโศกนาฏกรรมเครื่องบินโดยสารโบอิ้ง 777 ของสายการบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เที่ยวบิน MH17 ถูกขีปนาวุธยิงตกบริเวณภาคตะวันออกของประเทศยูเครน จนเครื่องบินระเบิดกลางอากาศ คร่าชีวิตผู้โดยสารและลูกเรือยกลำ 298 ชีวิต เมื่อ ก.ค.57 ว่า ทีมสอบสวนร่วมนานาชาติ (JIT) แถลงที่เมืองBunnik  ในเนเธอร์แลนด์ ถึงผลการสืบสวนหาที่มาของขีปนาวุธดังกล่าวแล้วเมื่อ 24พ.ค.ชี้ ขีปนาวุธบู๊ค (BUK) ที่ถูกยิงมาโจมตีเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์สลำนี้ เป็นของกองพลน้อยต่อต้านอากาศยาน ที่ 53 ของรัสเซีย ซึ่งมีฐานประจำการอยู่ที่เมืองเคิร์สก์

นาย Wilbert Paulissen หัวหน้าทีมสอบสวนร่วมนานาชาติ JIT กล่าวกับนักข่าวว่า ยานยนต์ทั้งหมดที่บรรทุกขีปนาวุธบู๊ค ข้ามชายแดนจากรัสเซียเข้ามาในเขตยึดครองของฝ่ายกบฏแบ่งแยกดินแดนทางภาคตะวันออกของยูเครนนั้น เป็นของกองทัพบกรัสเซีย

...

ทั้งนี้ ทีมสอบสวนร่วมนานาชาติ ได้ดำเนินการสอบสวนโดยใช้เวลาหลายปี เพื่อพยายามหาข้อเท็จจริงว่า ขีปนาวุธบู๊คที่ถูกยิงมาโจมตีเที่ยวบิน MH17 อัมสเตอร์ดัม-กัวลาลัมเปอร์นั้น ใครเป็นคนยิงและเป็นของฝ่ายใด หลังจากเมื่อต.ค.2558 คณะกรรมาธิการความปลอดภัยด้านคมนาคมของเนเธอร์แลนด์ ได้ระบุผลการสอบสวนว่า มาเลเซีย แอร์ไลน์สโดนยิงโดยขีปนาวุธบู๊คที่ผลิตโดยรัสเซีย

ต่อมา ก.ย.2559 ทีมสอบสวนร่วมนานาชาติ ซึ่งเป็นคณะเจ้าหน้าที่จากเนเธอร์แลนด์ ออสเตรเลีย มาเลเซีย และยูเครน ได้มีข้อสรุปคล้ายกับรายงานเบื้องต้น ก่อนจะมีการแถลงผลการสอบสวนเมื่อวันที่ 24พ.ค.61

อย่างไรก็ตาม ที่ผ่านมา นับตั้งแต่เกิดโศกนาฏกรรมกับ MH17 มีการตั้งข้อสันนิษฐานว่า กบฏแบ่งแยกดินแดนในยูเครน คือตัวการยิงขีปนาวุธโจมตีเครื่องบินมาเลเซีย แอร์ไลน์ส เนื่องจากจุดที่เศษซากเครื่องบินตกกระจัดกระจายเป็นบริเวณกว้างอยู่ในพื้นที่ยึดครองของฝ่ายกบฏ ในขณะที่ขีปนาวุธบู๊คนั้นได้รับการสนับสนุนจากรัสเซีย ทว่ารัฐบาลประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูตินของรัสเซียยืนกรานปฏิเสธ-ไม่ขอยอมรับข้อกล่าวหานี้มาโดยตลอด