ญาติฝืนคำสั่งของเจ้าหน้าที่ พาคนไข้อีโบลา 3 คน หนีออกจากโรงพยาบาลเพื่อไปโบสถ์ จนสุดท้ายคนไข้เสียชีวิต 2 คน ส่วนอีกรายต้องกลับมานอนรักษาตัว...

สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ผู้ป่วยติดเชื้ออีโบลา 3 คนแอบออกจากโรงพยาบาลในเมือง เอ็มบันดากา ของสาธารณรัฐประชาธิปไตยคองโก (ดีอาร์คองโก) หลังจากครอบครัวของพวกเขาเรียกร้องขอพาคนไข้ไปสวดมนต์ภาวนาที่โบสถ์ ทำให้ในเวลาต่อมา คนไข้ 2 คนเสียชีวิต ขณะที่รายที่ 3 ต้องกลับมารักษาตัวต่อ

ตามการเปิดเผยของ ยูจีน คาบัมบี เจ้าหน้าที่ขององค์การอนามัยโลก (WHO) ญาติของคนไข้กลุ่มนี้เดินทางมายังโรงพยาบาลของ องค์กรการแพทย์ไร้พรมแดน (MSF) และเรียกร้องขอพาคนไข้ไปโบสถ์เพื่อสวดมนต์ ก่อนที่พวกเขาจะพาคนไข้ขึ้นรถจักรยานยนต์จากไป ทำให้ตำรวจต้องออกคำสั่งให้เจ้าหน้าที่ออกค้นหา

ต่อมา เจ้าหน้าที่พบศพของคนไข้ 1 ใน 3 รายที่บ้านจึงนำศพกลับไปยังโรงพยาบาลเพื่อทำการฝังอย่างปลอดภัย ขณะที่คนไข้รายที่ 2 ถูกส่งตัวกลับมาที่โรงพยาบาลในวันที่ 22 พ.ค. แต่เสียชีวิตในช่วงเย็นวันเดียวกัน ส่วนคนไข้รายที่ 3 ยังมีชีวิตและกำลังรับการรักษาอยู่ที่โรงพยาบาล แต่ไม่มีการเปิดเผยว่าอาการเป็นอย่างไร

เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นทำให้เจ้าหน้าที่สาธารณสุขกังวลว่าเชื้อไวรัสอีโบลาจะแพร่กระจายอย่างรวดเร็วในเมือง เอ็มบันดากา ซึ่งมีประชากรราว 1 ล้านคน และขณะนี้เจ้าหน้าที่กำลังสังเกตการณ์ญาติของคนไข้ทั้ง 3 คน และให้วัคซีนป้องกันเชื้ออีโบลาแล้ว

ทั้งนี้ เชื้อไวรัสอีโบลากลับมาระบาดในดีอาร์คองโกอีกครั้งเมื่อช่วงต้นเดือนที่ผ่านมา โดย WHO ระบุว่าจนถึงตอนนี้พบผู้ต้องสงสัยติดเชื้ออีโบลาแล้ว 58 ราย ในจำนวนนี้เสียชีวิตไป 27 คน และยืนยันว่าเสียชีวิตเพราะอีโบลา 3 ราย