ชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนพยายามบุกฝ่าแนวกั้นชายแดนฉนวนกาซากับอิสราเอล เพื่อประท้วงการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเลม ขณะทหารยิวพยายามปราบปรามอย่างหนัก จนมีผู้เสียชีวิต 52 ราย และบาดเจ็บนับพันคน...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า ความพยายามของชาวปาเลสไตน์หลายหมื่นคนในการบุกฝ่าข้ามรั้วกั้นชายแดนฉนวนกาซากับอิสราเอล เพื่อต่อต้านการเปิดสถานทูตสหรัฐฯ ในเยรูซาเลม เมื่อวันจันทร์ที่ 14 พ.ค. กลายเป็นเหตุนองเลือดอย่างรวดเร็ว หลังจากทหารอิสราเอลตอบโต้ด้วยความรุนแรงโดยใช้ทั้งปืนกระสุนจริงและแก๊สน้ำตา

ข่าวระบุว่า จนถึงเวลา 16:30น. ตามเวลาท้องถิ่น มีชาวปาเลสไตน์เสียชีวิตในเหตุความรุนแรงครั้งล่าสุดนี้แล้วอย่างน้อย 43 ราย หลายคนเป็นเด็กวัยรุ่น และมีผู้บาดเจ็บอีกกว่า 1,700 คน แต่ล่าสุดสื่อท้องถิ่นระบุว่าจำนวนผู้เสียชีวิตเพิ่มเป็น 52 รายแล้ว
...
ตามการกล่าวอ้างของกองทัพอิสราเอล ผู้ประท้วงหลายคนวางหรือโยนระเบิดเข้าใส่พวกเขา และอีกหลายคนส่งว่าวติดไฟเข้ามาในเขตแดนของอิสราเอล เช่นที่นอกชุมชน นาฮาล ออซ ซึ่งอยู่ติดกับชายแดนเมืองกาซา เจ้าหน้าที่หน่วยฉุกเฉินต้องเร่งดับไฟป่าที่ลุกลามอย่างรวดเร็วเพราะว่าวติดไฟ

ทั้งนี้ การเคลื่อนไหวที่ฉนวนกาซาเริ่มต้นขึ้นในช่วงเช้า โดยมีผู้หญิงชุดดำเดินโบกธงชาติปาเลสไตน์นำขบวน และเรียกร้องให้ผู้ประท้วงคนอื่นๆ ตามพวกเธอไป “เราไม่ได้ต้องการแค่ 1 หรือ 2 คนเข้าใกล้มากขึ้น แต่เราต้องการกลุ่มใหญ่ๆ” สถานการณ์เริ่มดุเดือดขึ้นหลังการสวดมนต์ช่วงเที่ยววัน โดยเจ้าหน้าที่ของกลุ่มฮามาส ซึ่งปกครองฉนวนกาซาปลุกระดมผู้สนับสนุนให้เดินขบวน โดยอ้างว่ารั้วกั้นชายแดนอิสราเอลถูกทะลวงผ่านแล้ว

การประท้วงยังลุกลามไปถึงเขตเวสต์แบงก์ โดยที่เมืองรามัลเลาะห์ ฝูงชนจำนวนหนึ่งออกมาชุมนมุในช่วงก่อนเที่ยงวัน และเคลื่อนขบวนไปทางใต้สู่ด่านคาลันดิยาซึ่งเชื่อมต่อกับกรุงเยรูซาเลม นำขบวนโดยเหล่าผู้นำขององค์กรปลดปล่อยปาเลสไตน์ และกลุ่ม ฟาตาห์ รวมถึงนาย จิบริล ราจู๊บ เลขาธิการใหญ่ และนายซาบรี ไซดาม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ
นอกจากนี้ ยังมีรายงานเหตุปะทะกันที่เมืองอื่นๆ เช่น เบธเลเฮม, เจอริโก, เฮบรอน และ บาบลุส แต่สถานที่ที่มักเกิดการปะทะขึ้นเป็นประจำอย่างด่านตรวจใกล้เมือง เบต เอล กลับยังเงียบสงบอยู่


...
