ทางการฝรั่งเศสออกมาแสดงความไม่พอใจหลังประธานาธิบดี โดนัลด์ ทรัมป์ กล่าวถึงเหยื่อผู้เสียชีวิตในเหตุก่อการร้ายกรุงปารีสปี 2558 ในเชิงไม่ให้ความเคารพ พร้อมกล่าวสนับสนุนการพกปืน...
สำนักข่าวต่างประเทสรายงานว่า เมื่อวันศุกร์ที่ 4 พ.ค. ประธานาธิบดีโดนัลด์ ทรัมป์ ของสหรัฐฯ ไปปรากฏตัวที่งานของสมาคมปืนไรเฟิลแห่งชาติ (NRA) ในเมืองดัลลัส และกล่าวว่ากฎหมายควบคุมปืนอย่างเข้มงวดของฝรั่งเศสไม่สามารถป้องกันการก่อการร้ายเมื่อปี 2558 ซึ่งทำให้มีผู้เสียชีวิตถึง 130 รายได้
“พวกเขามีเวลาและยิงเหยือทีละคนทีละคน ปัง มาทางนี้ ปัง แล้วก็มาทางนี้ ปัง” นายทรัมป์กล่าวพร้อมทำท่าประกอบด้วยการชี้มือออกมาในลักษณะเหมือนปืน
เรื่องนี้ทำให้เมื่อวันเสาร์ที่ 5 พ.ค. กระทรวงต่างประเทศของฝรั่งเศสต้องออกแถลงการณ์ตอบโต้ “ฝรั่งเศสขอแสดงความไม่ยอมรับคำพูดของประธานาธิบดีทรัมป์อย่างหนักแน่น และขอเรียกร้องให้มีเคารพต่อความทรงจำของผู้ประสบเหตุด้วย”
ด้านนาย ฟรองซัวส์ ออลลองด์ ผู้ดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในตอนเกิดเหตุ ทวีตข้อความว่า “คำพูดที่น่าอับอายและน่ารังเกียจที่ผ่านมาของโดนัลด์ ทรัมป์ แสดงให้เห็นอย่างมากว่าเขาคิดอย่างไรกับฝรั่งเศสและค่านิยมของเรา แต่มิตรภาพระหว่างประชาชนทั้ง 2 ประเทศจะไม่มัวหมองด้วยการดูหมิ่นและการกระทำเลยเถิด”
...
ทั้งนี้ภายในงาน นายทรัมป์ยังกล่าวต่อว่าการก่อการร้ายในกรุงปารีสอาจมีผลลัพธ์ต่างออกไป หากชาวปารีสในคาเฟ่ที่ถูกโจมตีมีปืน “หากหนึ่งในลูกจ้างหรือแขกในร้ายมีปืน หรือหากใครสักคนที่อยู่ในห้องนั้นมือปืน แล้วเล็งไปยังฝั่งตรงกันข้าม ผู้ก่อการร้ายก็คงจะหนีหรือถูกยิงไปแล้ว และผลลัพธ์ก็จะกลายเป็นอีกเรื่องหนึ่งไปเลย”
อย่างไรก็ตาม ทำเนียบประธานาธิบดีฝรั่งเศสออกแถลงการณ์โต้แย้งในเรื่องนี้ว่า “การให้ปืนอยู่ในสังคมได้อย่างอิสระไม่ใช่การสร้างโล่ป้องกันการก่อการร้าย แต่มันอาจเป็นการอำนวยความสะดวกให้กับแผนการโจมตีแทนก็ได้” ขณะที่นาย เชราร์ อาโร เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสประจำสหรัฐฯ ทวีตข้อความว่า “สถิติเรื่องประชาชนถูกสังหารด้วยปืน จะไม่ทำให้ฝรั่งเศสเปลี่ยนแปลงกฎหมายควบคุมอาวุธปืน”
อนึ่ง เหตุก่อการร้ายในกรุงปารีสเมื่อปี 13 พ.ย. 2558 เป็นฝีมือของผู้ก่อการร้ายประมาณ 10 คน ก่อเหตุโจมตีประสานกันตามสถานที่ 6 จุดทั่วกรุงปารีส โดยใช้ทั้งปืนไรเฟิลจู่โจมและระเบิดพลีชีพ หลังเกิดเหตุกลุ่มติดอาวุธรัฐอิสลามออกมาอ้างตัวเป็นผู้อยู่เบื้องหลังการโจมตีครั้งนี้