(ภาพจาก : กระทรวงแรงงาน)

สลดรับวันแรงงาน พระเพลิงผลาญโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้ารายใหญ่ของโลกในไต้หวันแล้วลามสู่หอพักคนงาน เบื้องต้นมีผู้เสียชีวิต 7 ราย เป็นเจ้าหน้าที่ดับเพลิง 5 ราย และแรงงานไทย 2 คน 1 ใน 2 เพิ่งเดินทางไปทำงานเมื่อต้นปีนี้ ด้านกระทรวงแรงงานและหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เร่งช่วยแรงงานไทยที่เหลือนับร้อยชีวิต ดูแลสิทธิประโยชน์เต็มที่ พร้อมประสานทายาทจัดการเรื่องงานศพ ขณะที่คนไทยที่เคยไปทำงานที่โรงงานแห่งนี้ แฉภายในโรงงานมีน้ำกรด น้ำยาต่างๆที่สามารถระเบิดได้ หากถูกไฟไหม้และทางหนีไฟมีขนาดเล็ก

ผู้สื่อข่าวรายงานเหตุแรงงานไทยตกเป็นเหยื่อพระเพลิงในต่างแดนว่า เมื่อวันที่ 29 เม.ย. นางเพชรรัตน์ สินอวย รองปลัดกระทรวงแรงงาน ในฐานะโฆษกกระทรวงแรงงาน เปิดเผยว่า ได้รับรายงานจากสำนักงานแรงงานไทย ณ กรุงไทเป ไต้หวัน ว่าเมื่อเวลา 21.26 น. ตามเวลาท้องถิ่น วันที่ 28 เม.ย. ได้เกิดเหตุเพลิงไหม้ที่โรงงานชินพูน (CHIN POON INDUSTRIAL) สาขาผิงเจิ้น เป็นโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าหรือ PCB รายใหญ่ของโลก เพลิงลุกลามไปยังหอพักคนงานต่างชาติที่อยู่ติดกัน ประกอบด้วยคนงานชายไทย 180 คน และแรงงานหญิงเวียดนาม 130 คน เจ้าหน้าที่ควบคุมเพลิงไว้ได้ราว 06.00 น. ของวันที่ 29 เม.ย. เหตุเพลิงไหมครั้งนี้ มีพนักงานดับเพลิงเสียชีวิต 5 นาย บาดเจ็บสาหัส 1 นาย และมีแรงงานไทยเสียชีวิต 2 ราย คือ นายภานุพงษ์ เสงี่ยม อายุ 24 ปี ชาว จ.ฉะเชิงเทรา และนายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อายุ 42 ปี จาก จ.บุรีรัมย์ จัดส่งไปทำงานโดยบริษัทจัดหางาน เอสพี ลีดเดอร์ อินเตอร์เนชั่นแนล กรุ๊ป จำกัด (ไทย) และบริษัทจัดหางาน SUMMIT CO.,LTD. (ไต้หวัน)

นางเพชรรัตน์กล่าวว่า หอพักที่เกิดเหตุเพลิงไหม้มีคนงานต่างชาติพักรวมกัน 380 คน ที่เหลือพักอยู่ในหอพักนอกโรงงาน หลังเกิดเหตุนายจ้างได้จัดให้คนงานทั้ง 380 คน ไปพักตามหอพักในโรงงานชินพูน สาขาหนานข่านและหอพักชั่วคราว สำนักงานแรงงานไทย ไทเป ได้กำชับให้นายจ้างและบริษัทจัดหางานดูแลคนงานไทยกลุ่มดังกล่าวอย่างใกล้ชิด และทราบจากนายจ้างว่า โรงงานที่เกิดไฟไหม้ ได้แก่โรงงานผิงเจิ้น ได้รับความเสียหายส่งผลกระทบต่อการผลิตบ้าง แต่ไม่มากนัก คนงานบางคนอาจยังไม่สามารถเข้าทำงานได้ แต่บริษัทจ่ายค่าจ้างให้ตามปกติ ส่วนแรงงานไทยที่เสียชีวิต ทางโรงงานจะเชิญทายาทมาจัดการศพและจัดการเรื่องสิทธิประโยชน์ นอกจากเงินกองทุนประกันภัยแรงงานที่จะได้ตามกฎหมายแล้ว บริษัทจะให้ความช่วยเหลือทายาทด้วย โดยสำนักงานแรงงานไทยได้นัดกับนายจ้างและบริษัทจัดหางานไว้แล้ว จะจัดส่งเจ้าหน้าที่ไปตรวจเยี่ยมและปลอบขวัญแรงงานไทย พร้อมๆกับกองแรงงานนครเถาหยวน เพื่อตรวจดูการดูแลของนายจ้างและให้ความช่วยเหลือแรงงานไทยตามสิทธิประโยชน์

...

โฆษกกระทรวงแรงงาน กล่าวอีกว่า พล.ต.อ.อดุลย์ แสงสิงแก้ว รมว.แรงงาน ได้สั่งการให้ดูแลสิทธิประโยชน์ของแรงงานที่เสียชีวิตทั้ง 2 รายให้ดีที่สุด พร้อมมอบหมายให้สำนักงานจัดหางานจังหวัดฉะเชิงเทราและบุรีรัมย์ ไปพบกับครอบครัวของผู้เสียชีวิต เพื่อประสานงานและให้การช่วยเหลือเยียวยากับครอบครัวในเบื้องต้น ส่วนแรงงานที่ยังทำงานอยู่กับโรงงานดังกล่าวได้ให้สำนักงานแรงงานไทยไทเปเข้าไปดูแล

ด้านนายอนุรักษ์ ทศรัตน์ อธิบดีกรมการจัดหางาน กล่าวว่า คนงานไทยที่เสียชีวิตทั้งสองคนเป็นสมาชิกกองทุนเพื่อช่วยเหลือคนหางานไปทำงานต่างประเทศ ทายาทจะได้รับการสงเคราะห์จากการเสียชีวิตคนละ 40,000 บาท และจัดการศพเท่าที่จ่ายจริงไม่เกิน 40,000 บาทต่อราย ส่วนการนำศพกลับจะอำนวยความสะดวกเต็มที่ สำนักงานแรงงานไทยในไทเปได้ประสานบริษัทนายจ้าง รวมทั้งตรวจสอบสิทธิประโยชน์ต่างๆตามกฎหมายไต้หวัน และได้ให้จัดหางานจังหวัดไปพบญาติผู้เสียชีวิตเพื่อให้กำลังใจและสอบถามความต้องการให้ช่วยอะไรบ้าง โดยนายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อายุ 42 ปี เดินทางไปทำงานตั้งแต่ปี 2558 ส่วนนายภานุพงษ์ เสงี่ยม อายุ 24 ปี เพิ่งไปเมื่อเดือน ม.ค.ที่ผ่านมา น่าเสียใจเพราะไปไม่นาน แต่ไฟไหม้รุนแรงมาก สำหรับแรงงานไทยในไต้หวันมีประมาณ 63,000 คน ส่วนใหญ่ทำงานโรงงานอุตสาหกรรม ผลิตอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ และงานก่อสร้าง โดยเฉพาะที่ไฟไหม้เป็นโรงงานผลิตแผงวงจรไฟฟ้าขนาดใหญ่

ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในเพจเฟซบุ๊ก “สำนักงานแรงงานไทย ไทเป” ได้โพสต์ภาพเหตุการณ์ ไฟไหม้ที่เกิดขึ้น มีแรงงานไทยเข้ามาแสดงความเสียใจกว่า 1,400 คน ขณะเดียวกัน มีอีกหลายคนโพสต์ข้อความว่า เคยทำงานที่โรงงานที่เกิดเหตุแต่ทำไม่นานต้องขอกลับเพราะแพ้สารเคมี ซึ่งในโรงงานมีน้ำกรด น้ำยาต่างๆ ที่สามารถระเบิดได้หากถูกไฟไหม้ ขณะที่ทางหนีไฟมีขนาดเล็ก

สำหรับเหตุเพลิงไหม้โรงงานที่ไต้หวันในครั้งนี้ สำนักข่าวต่างประเทศ รวมทั้งเว็บไซต์ “ไต้หวันนิวส์” รายงานเมื่อวันที่ 29 เม.ย.ว่าเกิดไฟไหม้อย่างรุนแรงที่โรงงานชิน พูน อินดัสเทรียล จำกัด ผู้ผลิตแผ่นวงจรพิมพ์ (PCB) ส่วนประกอบพื้นฐานของแผงวงจรอิเล็กทรอนิกส์ ในเมืองเถาหยวน ทางเหนือของไต้หวัน เมื่อเวลาประมาณ 21.00 น. วันที่ 28 เม.ย.ตามเวลาท้องถิ่น ซึ่งเร็วกว่าเวลาในไทย 1 ชม.

สำนักงานรับมือหายนภัยของไต้หวันเผยว่า หลังเจ้าหน้าที่รับแจ้งเหตุไฟไหม้ ได้ส่งหน่วยดับเพลิงกว่า 180 คน พร้อมรถดับเพลิงและรถพยาบาล รวม 67 คัน ไปยังที่เกิดเหตุที่อยู่ในเขตผิงเจิ้น เมืองเถาหยวน ซึ่งพบเปลวเพลิงยังลุกไหม้อย่างต่อเนื่องและได้รับรายงานมีคนงานบางคนติดอยู่ในโรงงานที่เกิดเหตุ ซึ่งเบื้องต้นพนักงานดับเพลิงชุดแรก 7 คน ได้เข้าไปค้นหาคนงานที่ติดอยู่ภายในอาคาร แต่กลับเกิดเรื่องสลดตามมา เมื่อพนักงานดับเพลิงที่เข้าไปปฏิบัติภารกิจค้นหาช่วยเหลือผู้ประสบภัย กลับหายเงียบไปในอาคารที่เพลิงกำลังโหมแรง ทำให้ต้องส่งพนักงานดับเพลิงอีกชุดเข้าไปช่วย กว่าจะพบตัวพนักงานดับเพลิงชุดแรก และช่วยออกมาได้เวลาก็ล่วงเลยถึงเกือบตีหนึ่ง หรือเช้าตรู่วันอาทิตย์ 29 เม.ย.เบื้องต้นกลุ่มพนักงานดับเพลิงชุดแรกได้รับช่วยเหลือออกมา 3 นาย หลังพบหมดสติอยู่บริเวณชั้น 1 อาคารโรงงาน โดย 1 ในนี้ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนอีก 2 คนได้รับบาดเจ็บ และ 1 ใน 2 คนนี้มีอาการสาหัส

กระทั่งเวลา 04.14 น. จึงพบร่างของพนักงานดับเพลิงชุดแรกที่เหลืออีก 4 คน ภายในบริเวณชั้น 1 ของอาคาร และช่วยเหลือออกมา แต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาลทั้งหมด ส่วนชะตากรรมคนงาน พบว่ามีแรงงานต่างชาติ อายุ 40 ปี ได้รับช่วยเหลือออกมาแต่ไปเสียชีวิตที่โรงพยาบาล ส่วนแรงงานต่างชาติอีกคนถูกพบเป็นศพถูกไฟไหม้เกรียมเป็นตอตะโกอยู่ภายในอาคาร ทราบต่อมาว่าผู้เสียชีวิตทั้งสองคนเป็นแรงงานชาวไทย ขณะที่รายงานข่าวสรุปยอดผู้เสียชีวิตในเหตุไฟไหม้โรงงานครั้งนี้อย่างน้อย 7 ศพ เป็นพนักงานดับเพลิง 5 คนกับแรงงานไทยอีก 2 คน นอกจากนี้มีพนักงานดับเพลิงบาดเจ็บสาหัสอีก 7 คน เบื้องต้นเจ้าหน้าที่ยังไม่สรุปสาเหตุของเพลิงไหม้ในครั้งนี้แต่อย่างใด

...

ด้านครอบครัว 2 แรงงานไทยที่เสียชีวิตจากเหตุไฟไหม้โรงงานที่ไต้หวัน วันเดียวกัน ผู้สื่อข่าวได้สอบถามไปยังนางจันทรา หวังอยู่ อายุ 42 ปี อยู่บ้านเลขที่ 42 หมู่ 3 ต.ชุมแสง อ.กระสัง จ.บุรีรัมย์ ภรรยาของนายเชิดศักดิ์ บุรัมสูงเนิน อายุ 42 ปี 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิต แต่ไม่สามารถติดต่อได้ สอบถามนางสมหมาย คล่องจิตร อายุ 31 ปี ญาติ กล่าวว่า นายเชิดศักดิ์กับนางจันทรา มีลูกชายหญิงรวม 4 คน คนเล็กเป็นหญิงชื่อ “น้องแฟง” อายุ 3 ขวบ ทุกวันนายเชิดศักดิ์จะโทรศัพท์วีดิโอคอลมาคุยกับลูกสาวคนเล็ก ครั้งสุดท้ายเมื่อเวลา 19.00 น. วันที่ 28 เม.ย.นายเชิดศักดิ์โทร.คุยกับลูกสาวตามปกติ ลูกสาวถามว่าพ่อกินข้าวหรือยัง นายเชิดศักดิ์ตอบว่า ยังไม่ได้กินเลย พ่อขอนอนพักก่อน กระทั่งเวลา 20.00 น. เพื่อนที่ทำงานของนายเชิดศักดิ์โทร.มาบอกว่าโรงงานที่ทำอยู่ไฟไหม้ ขณะนี้ยังไม่พบตัวนายเชิดศักดิ์ เพื่อนในไต้หวันลงเฟซบุ๊กตามหาตัวนายเชิดศักดิ์ แต่ก็ไม่มีใครพบเห็น กระทั่งเวลา 08.00 น. วันนี้มีคนจากไต้หวันโทร.มาบอกว่านายเชิดศักดิ์เสียชีวิตแล้ว พบศพอยู่ในห้องพักคนงาน ซึ่งสภาพห้องที่พักของนายเชิดศักดิ์นั้นเป็นห้องแคบและทึบ ตอนนี้ทุกคนในครอบครัวยังทำใจยอมรับกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นไม่ได้

ช่วงสายวันเดียวกัน นางอาภรณ์ ใหม่มงคล นายอำเภอสนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา พร้อมด้วยนายเฉลียว ศรีนาค ผู้ใหญ่บ้านหมู่ 22 ต.ท่ากระดาน อ.สนามชัยเขต จ.ฉะเชิงเทรา เดินทางไปยังบ้านเลขที่ 202 ต.ท่ากระดาน เพื่อเยี่ยมญาติของนายภานุพงษ์ เสงี่ยม อายุ 24 ปี 1 ใน 2 ผู้เสียชีวิตเช่นกัน โดยนางวิลัย เสงี่ยม อายุ 45 ปี มารดาผู้ตาย มีอาชีพรับจ้างทั่วไปเล่าให้ฟังว่า นายภานุพงษ์ไปทำงานที่ไต้หวันได้ประมาณ 2 ปีแล้ว เนื่องจากต้องการเงินมาปลูกบ้านหลังใหม่ให้แม่ เพราะบ้านหลังเก่าเป็นบ้านปูนชั้นเดียวสภาพเก่า และนายภานุพงษ์มีกำหนดกลับบ้านในกลางปีนี้ แต่มาเสียชีวิตไปก่อน ขณะนี้ทางครอบครัวผู้เสียชีวิตสภาพจิตใจย่ำแย่มาก และอยากให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องช่วยนำศพผู้เสียชีวิตกลับมาบำเพ็ญกุศลตามประเพณีที่วัดหินแร่เก่า
หมู่ที่ 22 ต.ท่ากระดาน เป็นวัดบ้านเกิดของผู้ตาย ตามลำพังญาติของผู้เสียชีวิตคงไม่มีปัญญาหาเงินเป็นค่าใช้จ่ายนำศพกลับมาบ้านเกิดได้

...