ฮอตฮิตติดลมบนจริงๆ สำหรับละคร “บุพเพสันนิวาส” ที่สร้างปรากฏการณ์ออเจ้าไปทั่วบ้านทั่วเมือง ปลุกกระแสให้คนไทยหันมาสนใจรื้อค้นประวัติศาสตร์กรุงศรีอยุธยากันยกใหญ่ โดยเฉพาะในช่วงการเจริญสัมพันธไมตรีระหว่างไทยกับฝรั่งเศส โดย “พ่อเดช” หมื่นสุนทรเทวา ได้ร่วมคณะทูตเป็นผู้แทนราชสำนักอยุธยาเดินทางไปเข้าเฝ้าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 เป็นครั้งแรก ตามพระราชบัญชาของสมเด็จพระนารายณ์

นอกจากเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่นำเสนอไว้ในละคร ยังมีเรื่องชวนพิศวงมากมายจากพระราชวังแวร์ซายส์ ที่ยังไม่ได้รับการเปิดเผย หนึ่งในนั้นคือข่าวลือสนั่นวังที่แพร่กระจายหนาหูว่า “พระเจ้าหลุยส์ที่ 14” ทรงมีพระราชธิดาผิวสี ซึ่งถือกำเนิดจากนางทาสแอฟริกัน โดยสตรีนางนี้มีชื่อว่า “เจ้าหญิงหลุยส์ มาเรีย เทเรส” ในบันทึกประวัติศาสตร์เรียกขานว่า “นางชีผิวสีแห่งโมเร็ต” นางเติบโตมาภายใต้การอภิบาลของ “ควีนมาเรีย เทเรส” สมเด็จพระราชินีผู้ค้ำราชบัลลังก์ฝรั่งเศส

เป็นที่ร่ำลืออีกว่าพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 และชาวรั้วชาววังในยุคนั้น เกลียดการอาบน้ำเป็นชีวิตจิตใจ ถึงกับมีการบันทึกว่าตลอดพระชนม์ชีพ พระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ทรงอาบน้ำเพียงแค่ 3 ครั้ง!! นักประวัติศาสตร์หลายสำนักชี้ตรงกันว่า ในยุคศตวรรษที่ 17 ชนชั้นสูงของฝรั่งเศสไม่ชอบอาบน้ำ เพราะเชื่อว่าการอาบน้ำจะทำให้รูขุมขนเปิดกว้าง และเชื้อโรคเข้าสู่ร่างกายโดยง่าย ชาวแวร์ซายส์ยังไม่ยอมสระผม จะทำความสะอาดโดยใช้หวีสางนานๆให้น้ำมันออกจากผม วิธีนี้พิสูจน์ว่าช่วยให้ผมเงางามไม่แห้งเสีย น้ำท่าก็ไม่ค่อยอาบกัน แต่ใช้ผ้าแห้งเช็ดถูตัว แล้วจึงกลบกลิ่นด้วยการประพรมน้ำหอมชั้นดี วัฒนธรรมนี้เริ่มต้นในยุคของพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 นี่เอง และกลายเป็นรากฐานสำคัญในการสร้างชื่อให้ฝรั่งเศสเป็นเมืองผู้ผลิตน้ำหอมอันดับหนึ่งของโลกสืบถึงปัจจุบัน

...

แม้จะทรงเป็นนักรักผู้ยิ่งใหญ่มีสนมจำนวนมาก เป็นพระมหากษัตริย์ที่สร้างความเกรียงไกรให้ประเทศ และทำให้ฝรั่งเศสแผ่ขยายอาณาเขตออกไปอย่างกว้างขวางที่สุด โดยทรงครองราชย์ปกครองประเทศยาวนานถึง 72 ปี แต่ “พระเจ้าหลุยส์ที่ 14” กลับทรงอาภัพนัก หารัชทายาทสืบทอดราชบัลลังก์ได้ยากเย็นเต็มที ทรงมีพระราชโอรสเพียง 3 องค์ ซึ่งเป็นหน่อเนื้อเชื้อกษัตริย์สายตรงที่ประสูติจาก “สมเด็จพระราชินีมาเรีย เทเรสแห่งสเปน” องค์โตคือ “เจ้าชายหลุยส์ โดแฟ็ง” ทรงเป็นมกุฎราชกุมารตั้งแต่ประสูติ แต่สุดท้ายไม่มีโอกาสเสวยราชสมบัติ เนื่องจากหมดบุญสิ้นพระชนม์ก่อนพระราชบิดาสวรรคตเพียง 4 ปี โดยขณะนั้นมีพระชนมพรรษา 49 พรรษา ขณะที่พระราชโอรสอีก 2 องค์ ก็ล้วนแต่มีพระชนม์ชีพสั้น สิ้นพระชนม์ตั้งแต่ยังแบเบาะ

การสืบทอดราชบัลลังก์ยังคงถูกส่งต่อไปยังรัชทายาทรุ่นหลานสายตรง ที่สืบเชื้อสายมาจากควีนมาเรีย เทเรส พร้อมกับคำสาปอันน่าสะพรึงกลัว เพราะไม่ว่าใครมารับตำแหน่งมกุฎราชกุมารก็มักมีอันเป็นไป!! ไล่ตั้งแต่ “เจ้าชายหลุยส์ ดยุคแห่งบูร์กอญ” พระโอรสองค์โตของ “เจ้าชายหลุยส์ โดแฟ็ง” ซึ่งมีศักดิ์เป็นพระราชนัดดาในพระเจ้าหลุยส์ที่ 14 ดำรงพระยศรัชทายาทอันดับหนึ่งได้ปีเดียวก็สิ้นพระชนม์ ทั้งๆที่ยังทรงหนุ่มแน่น พระชนมพรรษา 29 พรรษา ซ้ำร้ายเมื่อราชบัลลังก์สืบต่อมาถึง รัชทายาทรุ่นเหลน “เจ้าชายหลุยส์ ดยุคแห่งเบรอตาญ” พระโอรสองค์โตของ “เจ้าชายหลุยส์ ดยุคแห่งบูร์กอญ” ก็โดนคำสาปเช่นกัน สิ้นพระชนม์กะทันหันขณะพระชนม์เพียง 5 ชันษา ทำให้ส้มหล่นไปบนตักพระอนุชา “เจ้าชายหลุยส์ ดยุคแห่งอ็องฌู” ได้สืบทอดราชบัลลังก์แทนพระปัยกา (ปู่ทวด) “พระเจ้าหลุยส์ที่ 14” เสวยราชสมบัติเป็น “พระเจ้าหลุยส์ที่ 15”.

มิสแซฟไฟร์