เป็นข่าวใหญ่ทั่วโลกกับการลุ้นพิกัดตกสู่พื้นโลกของสถานีอวกาศเทียนกง-1 ที่ปลดระวางและจีนควบคุมไม่ได้ โชคดีที่ตกลงทะเลแปซิฟิกอย่างปลอดภัย ไม่มีอันตรายใดๆ

เรื่องนี้แม้จะเสียเครดิตอยู่บ้าง แต่ถือเป็นความสำเร็จของวงการอวกาศจีนในการต่อยอดเพื่อสร้างสถานีอวกาศใช้เองภายในปี 2565 และส่งคนสำรวจดวงจันทร์ต่อไป หลังเมื่อปี 2546 เทียบชั้นเป็นประเทศที่ 3 ที่ส่งมนุษย์ขึ้นสู่อวกาศได้สำเร็จตามหลัง อดีตสหภาพโซเวียตและสหรัฐฯ

เป็นการพัฒนาแบบก้าวกระโดด สยบคำปรามาสว่าเมืองโรงงานโลกและแดนสวรรค์สินค้าก๊อบปี้

หันมาพูดถึงเทคโนโลยีที่เด่นๆของจีนยุคนี้บ้าง อันแรกคงไม่มีใครไม่รู้จักรถไฟความเร็วสูงที่ตอนนี้กำลังเร่ขายทั่วโลก เล่นเอาคนต้นน้ำ ผู้สร้างและเปิดบริการวิ่งรถไฟความเร็วสูงสายแรก (ชินคันเซน) เมื่อปี 2507 อย่างญี่ปุ่น ต้องตัวเกร็งทุกครั้งที่มีจีนร่วมแข่งชิงประมูลงานในแต่ละประเทศ

ปัจจุบันจีน ถือว่ามีเครือข่ายรถไฟความเร็วสูงขนาดใหญ่และกว้างขวางที่สุดในโลก ประมาณ 25,000 กิโลเมตร และจะขยายเพิ่มอีก 2 เท่าภายในปี 2573

ส่วนเทคโนโลยีเด่นอีก 3 ด้านที่เหลือ คือการจ่ายค่าสินค้าและบริการผ่านมือถือสมาร์ทโฟน (Mobile Payment) แอพพลิเคชั่นแบ่งปันจักรยาน (Bike-Sharing) และพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ (E-Commerce)

ข้อมูลช่วง 10 เดือนแรกของปีที่แล้ว (กระทรวงอุตสาหกรรมและเทคโนโลยีของจีน) จีนมีมูลค่าการใช้จ่ายผ่านมือถือมากที่สุดในโลก (12.7 ล้านล้านดอลลาร์) และข้อมูลเมื่อปีที่แล้วเช่นกัน (ไพรซ์วอเตอร์เฮาส์คูเปอร์ส) จีนครองอันดับตลาดอี-คอมเมิร์ซ ขนาดใหญ่และเติบโตเร็วที่สุดในโลก

เทคโนโลยีทั้ง 4 ด้าน แม้จีนจะไม่ใช่คนต้นคิดทำแต่แรกเริ่ม แต่ถ้าเทียบการปรับใช้ในชีวิตประจำวันและประยุกต์เข้ากับนวัตกรรมแล้ว ถือว่าไม่มีใครสู้จีนได้ เอาง่ายๆ แม้แต่แผงขายผลไม้ธรรมดาข้างถนน บางแผงซื้อขายผ่านคิวอาร์โค้ดกันสบาย

...

และเมื่อจีนยุคโบราณเคยสร้างสิ่งประดิษฐ์ยิ่งใหญ่ไว้ในโลก 4 อย่าง คือ การ ผลิตกระดาษ ดินปืน การพิมพ์หรือแท่นพิมพ์และเข็มทิศได้มาแล้ว อีกหนึ่งเป้าหมายที่ตั้งไว้เพื่อเป็น “ประเทศนวัตกรรม” ในปี 2563 จึงไม่น่าหลุดเป้า.

เกรียงศักดิ์ จุนโนนยางค์