วลาดิเมียร์ ปูติน (ภาพ : AFP)
...เรียกได้ว่าเป็น “สงครามการทูต” ตอบโต้กันดุเดือดแบบ “ตาต่อตา ฟันต่อฟัน” ระหว่างรัสเซียกับนานาประเทศโดยเฉพาะชาติตะวันตก ต่างขับไล่นักการทูตของอีกฝ่ายกลับบ้านเกิดจำนวนเท่าๆกัน จากกรณีข้อกล่าวหารัฐบาลรัสเซียอยู่เบื้องหลังการลอบวางสารพิษทำร้ายอดีตสายลับรัสเซียกับลูกสาวในอังกฤษตั้งแต่ 4 มี.ค. สายลับรัสเซียกับลูกสาวยังป่วยรับการรักษาพยาบาลอยู่ในอังกฤษ
รัสเซียยืนกรานปฏิเสธข้อกล่าวหาอยู่เบื้องหลังการกระทำดังกล่าว แม้ว่านักการทูตรัสเซียถูกสั่งขับไล่จากมากกว่า 25 ประเทศให้กลับบ้านแล้วกว่า 150 คน ประกอบด้วย อังกฤษ 23 คน สหรัฐฯ 60 คน ยูเครน 13 คน และจากอีกหลายประเทศ จำนวน 4-3-2-1 คน ตามลำดับ
แต่รัสเซียไม่ยี่หระ เพราะความยิ่งใหญ่ของเครือข่ายงานการทูตและงานข่าวกรองของรัสเซียไม่ใช่ย่อมๆ มีหน่วยงานการทูตต่างประเทศทั่วโลกมากถึง 242 แห่ง ประกอบด้วย สถานเอกอัครราชทูต 143 แห่ง สถานกงสุล 87 แห่ง หน่วยงานการทูตลักษณะต่างๆอีก 12 แห่ง ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกอันดับ 4 รองจากสหรัฐฯ จีนและฝรั่งเศส
ดัชนีด้านการทูตจัดอันดับ 60 ประเทศ พบว่าอังกฤษ ชาติที่มึนตึงต่อรัสเซียเข้มข้นมากที่สุดชาติหนึ่งยามนี้มีสำนักงานการทูตทั่วโลกมากอันดับ 7 อยู่ที่ 225 แห่ง นักการทูตปฏิบัติหน้าที่ต่างแดนมากกว่า 1,600 คน
ขณะที่รัสเซีย เฉพาะนักการทูตทำงานอยู่ในสถานเอกอัครราชทูตประจำกรุงวอชิงตัน ดี.ซี. มีจำนวนถึง 116 คน แต่รัสเซียมีหน่วยงานการทูตลักษณะอื่นๆในสหรัฐฯอีกหลายแห่งรวมถึงสถานกงสุล 3 แห่ง เจ้าหน้าที่มากกว่า 50 คน ไม่นับรวมถึงหน่วยงานการทูตอื่นๆอีก อาทิ สำนักงานการค้า วัฒนธรรม การสื่อสารและการทหารทุกเหล่าทัพ สำนักงานการทูตทั้งหมดของรัสเซียไม่มีจ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นทำงานด้วยเพราะเหตุผลด้านความปลอดภัยผิดจากหน่วยงานการทูตของหลายประเทศตะวันตกจะจ้างเจ้าหน้าที่ท้องถิ่นนั้นๆร่วมงานด้วย
...
ไม่เพียงแค่นั้น รัฐบาลรัสเซียยังพยายามเพิ่มขยายหน่วยงานการทูตต่างประเทศอย่างกว้างขวางต่อเนื่อง โดยเฉพาะในกลุ่มชาติอดีตคอมมิวนิสต์แถบยุโรปตะวันออกและพันธมิตรอื่นๆ รวมถึงจีนและกลุ่มชาติแอฟริกาและเอเชีย
แม้ว่ารัสเซียมีนักการทูตเปิดเผยตัวตนทำงานอยู่ทั่วโลกหลายพันคน แต่เจ้าหน้าที่สังกัดหน่วยข่าวกรองรัสเซีย ซึ่งไม่ขึ้นตรงกับสถานเอกอัครราชทูตและสถานกงสุลมีแฝงตัวอยู่อีกมากมายแทบทุกมุมโลก...
อานุภาพ เงินกระแชง