หวัง ฉีซาน กับ สี จิ้นผิง
สภาคองเกรสจีนเลือก สี จิ้นผิง เป็นผู้นำประเทศสมัยที่ 2 ตามความคาดหมาย และเลือกนาย หวัง ฉีซาน มือขวาด้านการปราบคอร์รัปชันเป็นรองประธานาธิบดี...
สำนักข่าวต่างประเทศรายงานว่า เมื่อวันเสาร์ที่ 17 มี.ค. สมาชิกสภาคองเกรสประชาชนแห่งชาติจีนทั้งหมด 2,970 คน โหวตลงมติเป็นเอกฉันท์ เลือกนาย สี จิ้นผิง เป็นประธานาธิบดีสมัยที่ 2 ดำรงตำแหน่งต่อไปอีก 5 ปี ขณะที่ 2,969 คนเห็นชอบเลือก หวัง ฉีซาน อดีตผู้ดูแลการบังคับใช้กฎหมายปราบคอร์รัปชันของนายสี ขึ้นเป็นรองประธานาธิบดี
สภาคองเกรสประชาชนแห่งชาติจีนถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ จนถูกเรียกว่าสภาตรายาง จึงเป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่านายสีจะได้รับเลือกเป็นผู้นำแดนมังกรอีก 1 สมัย หลังจากสภาคองเกรสฯ ได้ขยายศูนย์รวมอำนาจของนายสีเพิ่มขึ้นอีกทั้งบรรจุชื่อของเขาลงในรัฐธรรมนูญ และแก้รัฐธรรมนูญยกเลิกการจำกัดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี
นอกจากนั้น การแก้รัฐธรรมนูญดังกล่าวยังทำให้นายสี และนายหวัง ได้กล่าวคำปฏิญาณตนต่อรัฐธรรมนูญเป็นครั้งแรก โดยนายสีวางมือซ้ายลงบนสมุดรัฐธรรมนูญปกสีแดง และชูมือขวาขึ้นกำหมัดพร้อมกล่าวปฏิญาณตน
ทั้งนี้ ในการประชุมสภาคองเกรสประชาชนแห่งชาติจีนครั้งที่ 13 เป็นที่คาดหมายกันอย่างกว้างขวางว่านายสีจะได้รับเลือกเป็นผู้นำแดนมังกรอีก 1 สมัย เนื่องจากสภาคองเกรสฯ ถูกควบคุมโดยพรรคคอมมิวนิสต์ และได้ขยายศูนย์รวมอำนาจของนายสีเพิ่มขึ้นอีกในช่วงที่ผ่านมา ทั้งบรรจุชื่อของเขาลงในรัฐธรรมนูญ และแก้รัฐธรรมนูญยกเลิกการจำกัดวาระดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดี
...
หลายฝ่ายยังจับตามมองด้วยว่า นายหวังจะได้รับเลือกเป็นรองประธานาธิบดีหรือไม่ โดยนายหวังในวัย 69 ปี เป็นหัวหอกสนับสนุนนโยบายกวาดล้างการคอร์รัปชันของนายสี และเป็นหัวหน้าคณะกรรมการตรวจสอบความประพฤติ ซึ่งจับกุมและลงโทษข้าราชการทุจริตไปแล้วกว่า 1.5 ล้านคนตลอดช่วง 5 ปีที่ผ่านมา และเพิ่งก้าวลงจากตำแหน่งเมื่อปีก่อน
นาย ฮั่ว ป๋อ นักวิเคราะห์การเมืองจีน ระบุว่า นายสีเลือกเก็บนายหวังไว้ข้างกายเพราะเขามีความสามารถ และการเลือกนายหวังเป็นรองประธานาธิบดีทำให้ชัดเจนว่า นายสีกำลังรวมศูนย์อำนาจของตัวเขาเอง เพราะที่ผ่านมาเขามีผู้ที่จงรักภักดีต่อเขาหรือผู้มีความสามารถให้ใช้งานไม่มากนัก