กรณีนายนิโคลัส ครูซ อายุ 19 ปีก่อเหตุกราดยิงผู้คนที่โรงเรียนมัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส เมืองพาร์กแลนด์ รัฐฟลอริดาของสหรัฐฯ เมื่อ 14 ก.พ. มีผู้เสียชีวิต 17 คน เป็นนักเรียน 14 คน เจ้าหน้าที่โรงเรียน 3 คน ก่อนเกิดเหตุนายครูซซึ่งถูกจับและถูกตั้งข้อหาฆาตกรรมหลายกระทง ส่อแสดงพฤติกรรมรุนแรง และส่งสัญญาณจะก่อเหตุกราดยิงที่โรงเรียน มีคนใกล้ชิดและผู้ใช้อินเตอร์เน็ต แจ้งเจ้าหน้าที่หลายฝ่าย รวมทั้งสำนักสอบสวนกลาง (เอฟบีไอ) หลายครั้ง รวมทั้งเมื่อ 5 ม.ค. แต่ไม่มีใครสนใจตามเรื่องจริงจัง รวมทั้งเอฟบีไอที่เพิ่งยอมรับความผิดพลาดแล้ว
ล่าสุดเมื่อ 17 ก.พ. นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ โพสต์ทวิตเตอร์ต่อว่าเอฟบีไอมัวเสียเวลากับเรื่องสอบสวนรัสเซียสมคบคิดทีมหาเสียงของเขาช่วงเลือกตั้งมากเกินไป จนละเลยทุกเบาะแสที่แจ้งเข้ามา เป็นเรื่องยอมรับไม่ได้ไม่มีการสมคบคิด ให้กลับมาสู่งานประจำและทำให้พวกเราภูมิใจดีกว่า
เหตุกราดยิงที่โรงเรียนมาร์จอรีฯ ก่อเกิดกระแสเรียกร้องเข้มงวดอาวุธปืนขึ้นมาอีกครั้ง มีการจัดชุมนุมเพื่อกดดันให้เข้มงวดอาวุธปืนในเมืองฟอร์ต เลาเดอร์เดล ใกล้พาร์กแลนด์ มีคนเข้าร่วมนับพันคน โดยหนึ่งในคนที่ขึ้นกล่าวบนเวทีได้น่าสนใจมากที่สุดคือ เอ็มมา กอนซาเลซ นักเรียนมัธยมหญิง กล่าวโจมตีทรัมป์และนักการเมืองคนอื่นๆ ที่รับเงินสนับสนุนจากสมาคมปืนยาวไรเฟิลแห่งชาติ (เอ็นอาร์เอ) กลุ่มล็อบบียิสต์ด้านสิทธิอาวุธปืนที่ทรงอิทธิพลต่อการเมืองสหรัฐฯ และฝากถามถึงนักการเมืองทุกคนที่รับเงินจากเอ็นอาร์เอ ละอายใจบ้างหรือไม่
ทั้งนี้ ข้อมูลของศูนย์การเมืองเชิงตอบรับ เผยว่า ช่วงหาเสียงเลือกตั้งปี 2559 เอ็นอาร์เอให้เงินสนับสนุนทรัมป์ 11.4 ล้านดอลลาร์ (ราว 364 ล้านบาท) สนับสนุนนางฮิลลารี คลินตัน คู่แข่งทรัมป์ 19.7 ล้านดอลลาร์ (ราว 630 ล้านบาท)
...
ส่วนสื่อสหรัฐฯยังตามขุดคุ้ยเรื่องของครูซ ออกมาเรื่อยๆ รวมทั้งกรณีเมื่อปี 2559 เคยถูกตำรวจและสำนักงานกิจการเด็กและครอบครัว สอบสวนหลังโพสต์คลิปวีดิโอกรีดแขนตัวเองลงเว็บไซต์สแนพแชต แต่เจ้าหน้าที่เห็นว่าความเสี่ยงมีน้อย และว่าครูซได้รับการสนับสนุนเพียงพอจากโรงเรียนและเจ้าหน้าที่ด้านสุขภาพจิต และยังมีกรณีครูซโพสต์ในกลุ่มสนทนาส่วนตัวในอินสตาแกรมในเชิงดูถูกชาวยิว อเมริกันผิวสีและกลุ่มคนรักร่วมเพศ เจ้าหน้าที่คนหนึ่งเผยด้วยว่า ปีที่แล้วครูซซื้อปืนอย่างน้อย 5 กระบอก.