เมื่อวันพุธที่ 14 ก.พ. เกิดเหตุกราดยิงขึ้นที่โรงเรียนมัธยมปลาย มาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส ในเมืองพาร์คแลนด์ รัฐฟลอริดา โดยผู้ต้องสงสัยคือ นาย ‘นิโคลัส ครูซ’ วัย 19 ปี อดีตนักเรียนที่ถูกไล่ออก ใช้ปืนไรเฟิลยิงนักเรียนและเจ้าหน้าที่ที่ไม่รู้อีโหน่อีเหน่ จนเสียชีวิตไปถึง 17 ราย และบาดเจ็บอีกจำนวนมาก
การนองเลือดนี้กลายเป็นเหตุกราดยิงในโรงเรียนสหรัฐฯ ที่มีผู้เสียชีวิตมากที่สุดเป็นลำดับ 3 นับตั้งแต่ปี 1999 ตำรวจยังไม่สามารถหามูลเหตุจูงใจของนายครูซได้ แต่ครูและนักเรียนที่รู้จักชายคนนี้ต่างพูดเหมือนกันว่า พวกเขาไม่แปลกใจที่ชื่อของคนร้ายคือ นิโคลัส ครูซ ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น?

*เกิดอะไรขึ้นที่ มาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส
ในช่วงบ่ายวันที่ 14 ก.พ. นายครูซเปิดสัญญาณเตือนไฟไหม้ที่โรงเรียนมัธยมปลาย มาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส ทำให้นักเรียนและครูหลายคนที่กำลังสับสนรีบออกจากห้องเรียน และการสังหารหมู่ก็เริ่มต้นขึ้นในเวลาประมาณ 14.25 น. ตามเวลาท้องถิ่น คนร้ายใช้อาวุธปืนไรเฟิล ที่ตามข่าวระบุว่าเป็น .223 ‘เออาร์-15’ กราดยิงไม่เลือกหน้าจนเกิดความแตกตื่น นักเรียนที่ได้ยินเสียงปืนต่างรีบกลับไปหลบซ่อนตัวอยู่ในห้องเรียนด้วยความหวาดกลัว
...
นายสกอตต์ อิสราเอล นายอำเภอเขตโบรวาร์ด เคาน์ตี เปิดเผยว่า นายครูซสังหารเหยื่อ 3 คนนอกโรงเรียน ก่อนจะเข้าไปในตึกเรียนหลังหนึ่ง และยิงเหยื่อรายอื่นๆ เสียชีวิตอีก 12 ราย ขณะที่อีก 2 คนเสียชีวิตที่โรงพยาบาลท้องถิ่นเพราะทนพิษบาดแผลไม่ไหว
เมื่อตำรวจและหน่วยสวาทมาถึงที่เกิดเหตุ พวกเขาก็บุกเข้าไปในโรงเรียนและช่วยอพยพนักเรียนซึ่งกำลังตื่นตกใจไปหาผู้ปกครองที่มารอด้วยความเป็นห่วงอยู่หน้าโรงเรียน และนำตัวผู้ได้รับบาดเจ็บทั้งสิ้น 14 รายส่งโรงพยาบาล ส่วนคนร้ายอาศัยช่วงเวลานี้แฝงตัวไปกับกลุ่มคนเพื่อหลบหนีออกจากอาคาร แต่ราว 1 ชั่วโมงให้หลัง เขาก็มอบตัวกับตำรวจในเมืองข้างเคียงอย่าง คอรัล สปริงส์ และตอนนี้โดนตั้งข้อหาฆ่าคนตายโดยไตร่ตรองไว้ก่อนถึง 17 กระทง
*สัญญาณเตือนที่ถูกมองข้าม
ในเบื้องต้น เจ้าหน้าที่ยังไม่ทราบแรงจูงใจในการก่อเหตุของนายครูซ แต่ผลการสืบสวนทำให้ตำรวจพบสัญญาณเตือนมากมายที่อาจเป็นลางบอกเหตุว่านายครูซอาจจะตัดสินใจลงมือสังหารหมู่ผู้คนในสักวันหนึ่ง
หลักฐานความเป็นคนคลั่งไคล้ในอาวุธปืนของนายครูซปรากฏให้เห็นอย่างชัดเจนในบัญชีผู้ใช้เครือข่ายสังคมออนไลน์ของเขา โดยเฉพาะทวิตเตอร์แอคเคาน์ ‘@cruz_nikolas’ ที่ตอนนี้ถูกลบไปแล้ว มีภาพที่เขาถ่ายรูปคู่กับอาวุธหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็นปืนพก, ปืนไรเฟิล หรือมีด หรือรูปที่มีปืนหลายกระบอกวางอยู่บนเตียงของเขา

ตำรวจเผยด้วยว่า หนึ่งในโพสต์อินสตาแกรมของนายครูซ มีโฆษณาออนไลน์สำหรับขายปืนลูกซอง มอสเบิร์ก มาเวอริก 88 สลัก และโพสต์ที่อธิบายความหมายของคำว่า ‘อัลเลาะห์ อัคบาร์’ ด้วย แต่ตำรวจไม่เชื่อว่านายครูซมีความเกี่ยวข้องกับผู้ก่อการร้าย
ขณะที่เจ้าหน้าที่เอฟบีไอยอมรับว่า เมื่อปีก่อนพวกเขาเคยได้รับการแจ้งเตือนว่านายครูซ อาจก่อเหตุโจมตีในโรงเรียน หลังจากเขาแสดงความคิดเห็นในคลิปวิดีโอเกี่ยวกับกรณีการกราดยิงในโรงเรียนในอดีตว่า “ผมจะเป็นนักกราดยิงโรงเรียนมืออาชีพ” และ “ผมจะทำเหมือนกับที่เขาทำ” โดยเอฟบีไอได้ทำการตรวจสอบแล้ว แต่ไม่สามารถระบุตัวผู้อยู่เบื้องหลังข้อความเหล่านี้ได้

...
*โดนไล่ออก ทะเลาะวิวาท สะกดรอยตามแฟนเก่า
นายครูซยังมีชื่อเสียเกี่ยวกับพฤติกรรมการใช้ความรุนแรง เขาถูกไล่ออกจากโรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส เมื่อปี 2017 ด้วยความผิดฐานละเมิดกฎโรงเรียน และปัญหาด้านพฤติกรรม แต่ไม่มีการเปิดเผยรายละเอียด แต่สื่อหลายสำนักระบุว่า นายครูซเคยข่มขู่นักเรียนคนอื่นๆ รวมทั้งตามรังควานแฟนเก่าของตัวเองด้วย
นายจิม การ์ด ครูคณิตศาสตร์ของโรงเรียนมาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส ระบุว่า นายครูซมีชื่อเสียในเรื่องพฤติกรรมแย่ๆ เขายึดติดในตัวผู้หญิงคนหนึ่งมากถึงขั้นสะกดรอยตาม นอกจากนี้ยังมีรายงานด้วยว่า นายครูซเคยทะเลาะวิวาทกับแฟนใหม่ของแฟนเก่าของเขา รวมถึงทารุณกรรมแฟนเก่าอีกด้วย ซึ่งนี่อาจเป็นเหตุผลที่ทำให้เขาถูกไล่ออก

*ครูซมีปัญหาครอบครัว
ตามการเปิดเผยของนักเรียนคนอื่นๆ นายครูซไม่ค่อยพูดถึงญาติของตัวเองมากนัก โดยเขาและน้องชายถูกรับไปเลี้ยงเป็นลูกบุญธรรมของครอบครัว ลินดา และโรเจอร์ ครูซ ตั้งแต่เด็ก ก่อนที่โรเจอร์จะเสียชีวิตเมื่อราว 10 ปีก่อน ทำให้ลินดาต้องเลี้ยงดูเด็กทั้ง 2 คนด้วยความยากลำบาก
...
บาร์บารา คัมบาโตวิช อดีตสะใภ้ของครอบครัวครูซระบุว่า “ลินดาพยายามเต็มที่ในการเลี้ยงดูเด็กทั้ง 2 คน พวกเขาถูกรับมาเลี้ยงและมีปัญหาทางอารมณ์” เธอยังเชื่อว่านิโคลัสกำลังรับการรักษาทางการแพทย์ เพื่อรักษาภาวะอารมณ์เปราะบางของเขา “ลินดาต่อสู้กับปัญหาของนิโคลัสมาตลอด 2 ปีที่ผ่านมา”

หลังจากลินดาเสียชีวิตด้วยโรคปอดบวมเมื่อเดือน พ.ย. 2017 นายครูซก็ย้ายไปอยู่กับครอบครัวของเพื่อนในเขตโบรวาร์ด ในช่วงนั้นเขาเริ่มเก็บตัวมากขึ้น และในเช้าวันเกิดเหตุ เขานอนอยู่ที่บ้านและพูดว่า “วันนี้เป็นวันวาเลนไทน์ และผมก็ไม่ไปโรงเรียนในวันวาเลนไทน์” จิม ลิวอิส ทนายความของครอบครัวที่รับนายครูซไปดูแลเผย
ในช่วงบ่ายวันเดียวกัน นายครูซก็นำปืน เออาร์-15 ที่ซื้อมาอย่างถูกต้องตามกฎหมาย ไปก่อเหตุกราดยิง “ครอบครัวนี้ไม่รู้เลยว่าอะไรจะเกิดขึ้น” ลิวอิสกล่าว “พวกเขาช็อกมาก”
...

*ครูและเพื่อนเก่าไม่แปลกใจที่ครูซก่อเหตุกราดยิง
อย่างไรก็ตาม ดูเหมือนว่าสำหรับครูและนักเรียนของโรงเรียน มาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาสแล้ว พฤติกรรมของนายครูซเป็นที่รู้กันดี และถึงขั้นถูกมองว่าครูซเป็นภัยคุกคาม โดยนายการ์ดเปิดเผยกับสำนักข่าว ‘ไมอามี เฮอรัลด์’ ด้วยว่า เมื่อปี 2017 ผู้บริหารของโรงเรียนเคยส่งอีเมลถึงครูทุกคน และห้ามไม่ให้นายครูซเข้ามาในเขตโรงเรียนโดยที่สะพายกระเป๋าเป้เอาไว้
ขณะที่ นายโจชัว ชาโร วัย 16 ปี อดีตเพื่อนร่วมโรงเรียนของนายครูซบอกกับสื่อว่า เมื่อก่อนนายครูซเคยถูกจับได้ว่านำกระสุนปืนใส่กระเป๋ามาโรงเรียน และไม่รู้สึกตกใจที่คนร้ายผู้ก่อเหตุกราดยิงคือนายครูซ “เขาพูดถึงแต่เรื่องปืน, มีด และการล่า” “ผมพูดไม่ได้ว่าผมประหลาดใจ จากประสบการณ์ในอดีต เขาดูเหมือนคนจำพวกที่จะทำเรื่องแบบนี้”
นักเรียนของ มาร์จอรี สโตนแมน ดั๊กลาส อีกหลายคนก็แสดงความเห็นในทำนองเดียวกัน โดยพวกเขาบอกกับสถานีโทรทัศน์ WFOR-TV ว่า “ทุกคนคาดการณ์เอาไว้แล้ว”.