สถานการณ์ตึงเครียดคาบสมุทรเกาหลี เริ่มแผ่วความร้อนแรง...ถึงจะมีคำขู่ช่วงปีใหม่ให้หวาดเสียวจากผู้นำเกาหลีเหนือ คิม จอง อึน ว่ามีปุ่มนิวเคลียร์พร้อมกดอยู่บนโต๊ะ
แต่สุดท้ายรัฐบาลเกาหลีเหนือก็กลับสู่โต๊ะเจรจากับเกาหลีใต้ในรอบ 2 ปี ยิงสัญญาณดีเรื่องการส่งนักกีฬาเข้าร่วมงานแข่งขันโอลิมปิกฤดูหนาวเดือน ก.พ. แม้แต่โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯจอมยั่วยุ ยังบอกว่าพร้อมคุย และน่าจะเป็นเพื่อนกับผู้นำคิมได้
อย่างไรก็ตาม ถึงผิวน้ำจะนิ่ง ใช่ว่าใต้น้ำจะสงบ...ภาพถ่ายทางดาวเทียมกลับพบความเคลื่อนไหว การปรับปรุงฐานทดสอบนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือที่เมืองปังเง-รี ขณะที่กองทัพสหรัฐฯส่งเครื่องบินทิ้งระเบิดทางยุทธศาสตร์ “บี–2 สปิริต” 3 ลำ ลงจอดเงียบๆที่ฐานเกาะกวม ทางภาคใต้ญี่ปุ่น เมื่อ 11 ม.ค.ที่ผ่านมา
ทั้งนี้ เจ้าปีกค้างคาวบีทู ถือเป็นหนึ่งในอาวุธลับของสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นเครื่องทิ้งระเบิดแบบพรางเรดาร์ หรือ “สเตลธ์” ที่ไม่เคยขายให้ใคร และถือเป็นสเตลธ์รุ่นเดียวของโลกที่บรรทุกอาวุธโจมตีภาคพื้นดินได้จำนวน
มหาศาล อาทิ ระเบิดขนาด 230 กิโล 80 ลูก หรือกระทั่งโหลด “ระเบิดนิวเคลียร์บี 83” เต็มอัตราศึก 16 ลูก ซึ่งแต่ละลูกมีพลังทำลายล้าง เหนือกว่าระเบิดนิวเคลียร์ฮิโรชิม่าเกือบ 60 เท่า
การโยกย้ายบีทูมายังเกาะกวมครั้งนี้ นักวิเคราะห์ความมั่นคงสหรัฐฯตั้งข้อสังเกตว่า ถือเป็นการยกศักยภาพการโจมตีด้วยอาวุธนิวเคลียร์ของสหรัฐฯ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเลยทีเดียว เพราะเครื่องบีทูสามารถโจมตีลึกเข้าไปในพรมแดนข้าศึกชนิดไม่ทันตั้งตัว ต่างกับการยิงขีปนาวุธทั่วไปที่ตรวจพบได้ด้วยเรดาร์
เมื่อปี 2556 ประธานาธิบดีบารัค โอบามา เคยใช้สมรรถนะของบีทูข่มขู่เกาหลีเหนือมาแล้ว โดยทะยานจากฐานทัพในรัฐมิสซูรี บินข้ามโลก 21,000 กิโลเมตร มาทิ้งระเบิดปลอมที่เกาหลีใต้ ดังนั้น จึงเป็นคำถามที่น่าสนใจว่า โดนัลด์ ทรัมป์ สั่งย่นระยะทางปฏิบัติการของบีทูเพื่อสิ่งใด
...
เอาของแพงมาขู่เฉยๆตามนิสัยส่วนตัว หรือเพื่อใช้งานทันทีในยามจำเป็น ตามที่ นสพ.วอลล์ สตรีท เจอร์นัล รายงานก่อนหน้านี้...กลาโหมสหรัฐฯอยู่ระหว่างพิจารณาแผนสำรอง โจมตีเป้าหมายทางยุทธศาสตร์ของเกาหลีเหนือ ในรหัสปฏิบัติการ “ต่อยจมูกเลือดอาบ”.
ตุ๊ ปากเกร็ด