(ภาพจาก : REUTERS)

เหตุการณ์ ก่อการร้าย ในปี 2560 ที่ผ่านมา ทั้งในประเทศ อังกฤษ สหรัฐฯ ฝรั่งเศส สวีเดน รัสเซีย เยอรมนี หลายครั้งถึงจะเป็นเหตุการณ์เล็กๆ ขับรถไล่ชนตามถนน หรือขนาดยิงปืนใส่ฝูงชน ระเบิดในงานคอนเสิร์ต ก็ไม่ตื่นเต้นเท่ากับท่าทีความขัดแย้งระหว่าง เกาหลีเหนือ กับ สหรัฐอเมริกา ที่ขึ้นๆลงๆอยู่ที่อารมณ์ของท่านผู้นำ มีสถานการณ์ให้ชาวโลกหวาดเสียวอยู่ประจำ นักวิเคราะห์เชื่อว่า การเกิดสงครามระหว่าง เกาหลีเหนือกับสหรัฐฯ จะแตกต่างจากการทำสงครามก่อการร้ายกับ กลุ่มไอเอส หรือการที่ตัดสินใจบุก อิรัก เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมา

ประเทศเกาหลีเหนือ ถูก สหรัฐฯ ขึ้นบัญชีดำเป็นประเทศที่ สนับสนุนการก่อการร้าย ก็จริงอยู่ แต่สถานะของ เกาหลีเหนือ ก็แตกต่างจาก ประเทศในตะวันออกกลาง เพราะ เกาหลีเหนือ ไม่มีสภาวะของศาสนา หรือความเชื่อเข้ามาเกี่ยวข้อง แต่เป็นเรื่องของ ลัทธิและผู้นำ ล้วนๆ

มีการเปรียบเทียบความเป็นผู้นำระหว่าง โดนัลด์ ทรัมป์ ผู้นำสหรัฐฯ กับ คิม จอง อึน ผู้นำเกาหลีเหนือ ถึงภาพลักษณ์ภายนอก วัยวุฒิ คุณวุฒิ ประสบการณ์ จะแตกต่างกันโดยสิ้นเชิง

แต่คิม จอง อึน ล้ำลึกกว่า

ประเทศเกาหลีเหนือ ถูกคว่ำบาตรมานับครั้งไม่ถ้วน แต่เกาหลีเหนือก็ยังมีปัจจัยในการ พัฒนาอาวุธนิวเคลียร์และขีปนาวุธ อยู่ตลอดเวลา เกาหลีเหนือ ก็ยังมีศักยภาพในการหารายได้มาเลี้ยงประเทศ ไม่น่าเชื่อว่า ในจำนวนรายได้ทั้งหมด มีส่วนหนึ่งที่มาจากการ เล่นเงินสกุลบิตคอยน์ เป็นความคิดที่ล้ำหน้าออกนอกกรอบไปไกล

ท่าทีแข็งกร้าวของ คิม จอง อึน มาตลอดปี 2560 พลิกหน้ามือเป็นหลังมือ เมื่อปีใหม่ที่ผ่านมา คิม จอง อึน ถือโอกาสอวยพรปีใหม่กับประชาชนชาวเกาหลีเหนือ และเสนอที่จะปรับปรุง ความสัมพันธ์กับเกาหลีใต้ เพื่อลดความตึงเครียดทางทหาร ทั้งสองชาติเกาหลีต้องพยายามร่วมกันสร้างสันติภาพบนคาบสมุทรเกาหลี แห่งนี้

...

จากผู้ร้ายในสายตาชาวโลกหันมาเล่นบทพระเอกเฉยเลย

ในขณะที่ ทรัมป์ ยังสร้างความขัดแย้งกับประเทศต่างๆอย่างต่อเนื่อง ภาพของ ทรัมป์ เลยกลายเป็นผู้ร้ายไปฉิบ สะท้อนให้เห็นถึงความล้ำลึกของ คิม จอง อึน ทำให้ทั่วโลกมองไปที่ ท่าทีผู้นำสหรัฐฯกับสถานการณ์โลก ในอนาคต

ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตาม ปัญหาการก่อการร้าย ก็ยังจะเป็นปัญหาที่ส่งผลต่อความปลอดภัยในชีวิตและทรัพย์สินของชาวโลกอยู่ดี เพียงแต่เหตุการณ์จะกลับตาลปัตร จากที่เคยมองว่า เกาหลีเหนือ จะเป็นประเทศที่จุดชนวนสงคราม กลายเป็นว่า สหรัฐฯ จะถูกครหาว่าเป็นต้นตอของความวุ่นวายบนโลกใบนี้แทน

เหตุการณ์ความไม่สงบใน อิหร่าน ใน ซีเรีย ใน อิสราเอล จะถูกโฟกัสไปที่ บทบาทของประเทศสหรัฐฯและนโยบายของผู้นำสหรัฐฯ ที่เคยหาเสียงว่า จะไม่ให้ความสำคัญกับการทำสงคราม เพราะการทุ่มเทกับกิจการภายนอกประเทศทำให้คนสหรัฐฯอยู่ในภาวะลำบาก กำลังจะเป็นการพิสูจน์ภาวะผู้นำสหรัฐฯ อีกระลอก.

หมัดเหล็ก
mudlek@thairath.co.th