สายพันธุ์เดียวกัน คุยกันได้ก็ดี

เริ่มศักราชปีจอมีข่าวดีๆ ทำให้ชาวโลกผ่อนคลายขึ้นเยอะอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อผู้นำ 2 ประเทศที่เป็นชนกลุ่มเดียวกัน แต่แยกประเทศ กันเท่านั้น

“มุน แจ อิน” ประธานาธิบดีเกาหลีใต้-“คิม จอง อึน” ประธานาธิบดีเกาหลีเหนือหันมาจูบปากกันอย่างไม่น่าเชื่อ

เมื่อทั้ง 2 ผู้นำยินยอมที่จะเปิดฉากเจรจากัน

ก่อนปีใหม่ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ได้ออกประกาศเจตนารมณ์เอาไว้ 2 เรื่อง

1.จะระงับการซ้อมรบกับสหรัฐฯในช่วงฤดูใบไม้ผลิที่จะถึงนี้ เพื่อทำให้เกาหลีเหนือไม่ต้องหวาดระแวงว่าเกาหลีใต้กับสหรัฐฯกำลังยั่วยุจะยกพลขึ้นบก เพื่อจัดการกับผู้นำเกาหลีเหนือ

2.ได้เชื้อเชิญให้เกาหลีเหนือส่งนักกีฬามาร่วมในเกมกีฬาโอลิมปิกฤดูหนาว ซึ่งเกาหลีใต้เป็นเจ้าภาพเพื่อฟื้นฟูความสัมพันธ์กันใหม่

ได้ผลครับ...“คิม จอง อึน” ยินดีที่จะส่งนักกีฬาไปร่วมแข่งขันและพร้อมจะเปิดเจรจาร่วมกันทั้ง 2 ฝ่าย

ครับ...ถือเป็นเรื่องที่น่ายินดีเป็นอย่างยิ่ง

คาบสมุทรเกาหลีที่เคยเป็นปัญหาขัดแย้งจนทั่วโลกต่างกังวลว่าจะนำไปสู่สงคราม เพราะเป็นเวทีประลองกำลังระหว่างมหาอำนาจโลก ซึ่งมิใช่ 2 ประเทศอย่างเกาหลีใต้และเกาหลีเหนือเท่านั้น

“คิม จอง อึน” นั้น แม้จะเป็นผู้นำประเทศเล็ก แต่ก็ห้าวไม่ใช่ธรรมดา เริ่มด้วยการทดลองขีปนาวุธมาอย่างต่อเนื่องโดยไม่สนใจประเทศยักษ์ใหญ่ที่ห้ามไม่ให้ทดลอง

ล่าสุดยังบอกกับสหรัฐฯคู่ขัดแย้งสำคัญว่าพร้อมจะยิงใส่สหรัฐฯทุกเมื่อ พร้อมกับการตอบโต้ของประธานาธิบดีสหรัฐฯ “โดนัลด์ ทรัมป์” ที่ระบุว่า

บนโต๊ะทำงานของเขานั้น “ปุ่มกดนิวเคลียร์” ได้ทันที และใหญ่กว่าของเกาหลีเหนือหลายเท่า ซึ่งเป็นวาทกรรมที่ไม่น้อยหน้ากัน

...

“ผมก็มีปุ่มกดนิวเคลียร์เหมือนกัน แถมใหญ่กว่า มีอานุภาพกว่าและใช้งานได้จริง”

นั่นถือเป็นการบลัฟใส่กันเพื่อแสดงความเหนือชั้นกว่า

และการที่เกาหลีใต้และเกาหลีเหนือพร้อมที่จะเจรจากันนั้น สหรัฐอเมริกา โดย “นิกกี เฮลีย์” เอกอัครราชทูต สหรัฐฯประจำสหประชาชาติได้ออกมาวิพากษ์วิจารณ์

“ข้อเสนอของโซลเป็นแค่ผ้าพันแผล วอชิงตันจะไม่ให้ราคาการเจรจาระหว่างโซลและเปียงยาง ถ้าเปียงยางยังไม่ปลดอาวุธนิวเคลียร์ เกาหลีเหนืออาจจะกำลังเตรียมทดสอบนิวเคลียร์และขีปนาวุธรอบใหม่ก็ได้”

เป็นมุมมองที่ต่างกันอย่างสิ้นเชิง...

ว่าไปแล้วผู้นำเกาหลีใต้ซึ่งชนะการเลือกตั้งได้เป็นผู้นำประเทศได้ไม่นานและได้ประกาศนโยบายเอาไว้ว่า เขาจะต้องหาทางเจรจากับผู้นำเกาหลีเหนือให้ได้ ในขณะที่สถานการณ์บนคาบสมุทรเกาหลีกำลังตึงเครียดและยังไม่มีทางออกด้วย

ที่สุดแล้วผู้นำการเมืองซ้ายกลางก็สามารถที่จะดำเนินการในเรื่องนี้ได้สำเร็จ แม้ว่าหัวข้อสำคัญในการเจรจานั้น ก็คือต้องการให้เกาหลีเหนือยุติการทดลองขีปนาวุธ ซึ่งเป็นเรื่องยากมาก

ทว่า ทุกอย่างหากไม่เริ่มต้นนับหนึ่งโอกาสที่จะได้นับสองนับสามย่อมเป็นไปไม่ได้ ทำเป็นเล่นไป หากพูดคุยกันเพื่อผลประโยชน์ร่วมกันอะไรก็เป็นไปได้ทั้งนั้น

ยิ่งไปกว่านั้นการที่ “คิม จอง อึน” ตัดสินใจตอบรับการเจรจาก็มีความหมายในตัวของมันอยู่แล้ว นั่นคือการไม่ยอมรับสหรัฐฯ

หมายถึงว่า เขาไม่ได้มีปัญหากับเกาหลีใต้ แต่สหรัฐฯคือตัวปัญหาที่ทำให้ไม่มีทางเลือกอย่างอื่น จึงต้องดำเนินนโยบายในลักษณะที่ผ่านมา

พูดเป็นนัยๆว่า “สหรัฐฯ” คือ “ผู้ร้าย” ที่ทำให้โลกวุ่นวายไปหมด.

“สายล่อฟ้า”