เครื่องเคียงที่ขึ้นชื่อลือชาของเกาหลี จนโด่งดังไปทั่วโลก หนีไม่พ้น “กิมจิ” ตามความหมายดั้งเดิมคือ การถนอมอาหารที่มาจากผักช่วงฤดูหนาว มีนานาชนิดตั้งแต่รสอ่อนถึงเผ็ดร้อน ของดองประจำโต๊ะ รับประทานเคียงอาหารอื่นๆ

แท้จริงแล้ว ระหว่างของเกาหลีเหนือกับของเกาหลีใต้ กลับมี “ความต่าง” แบบเรียกได้ว่าอย่างสิ้นเชิง!!!

แต่เจ้าหน้าที่ของแต่ละฝั่งต่างก็บอกว่า กิมจิของตัวเองนี่แหละ เป็นสิ่งที่บอกถึงความปรองดอง

ทางยูเนสโกจึงต้องขึ้นทะเบียนแยกกันให้เป็นมรดกโลกทางวัฒนธรรมที่จับต้องไม่ได้ ซึ่งทาง มร.ปาร์ก แช–ริน นักวิจัยค้นคว้าจากสถาบันกิมจิโลก (WIKIM) ที่กรุงโซล บอกว่า ปกติกิมจิก็มีความหลากหลายในแต่ละภูมิภาคอยู่แล้ว อย่างของทางใต้ก็จะให้รสชาติที่เค็มกว่าและแรงกว่า ด้วยสภาพอากาศที่อุ่นกว่าทางเหนือ ทำให้เก็บรักษาผักดองยากกว่า

นอกจากนี้ เทคโนโลยีที่ล้ำสมัยของโสมใต้คือ ตามบ้านเรือนต่างก็มีตู้ที่ไว้สำหรับเฉพาะแช่เก็บกิมจิ แล้วยังมีโอกาสเข้าถึงเครื่องเทศและเครื่องปรุงรส

ขณะที่ของโสมเหนือ ซึ่งไม่ต้องอาศัยตู้แช่ แต่ก็ไม่ได้ปรุงรสอะไร นอกจากวัตถุดิบหลักที่หามาได้ เพราะสภาพทางเศรษฐกิจ ซึ่งตามข้อมูลสถิติของทางยูเอ็นบอกว่า ชาวโสมเหนือราว 40% ขาดสารอาหารเรื้อรัง

ก็เลยยิ่งทำให้รสชาติของเกาหลีทั้งสองฝั่งยิ่งถ่างออกไป

แต่ไม่ว่าอย่างไร มร.ปาร์ก ก็เชื่อว่า การโต้เถียงกันถึงเรื่องรสชาติและคุณภาพเป็นเรื่องของความคุ้นลิ้นมากกว่า เช่นว่า กิมจิที่มีรสชาติเหมือนฝีมือแม่ตัวเองทำ ก็จะเป็นสิ่งที่คนนั้นบอกว่า สุดยอด

สุดท้ายแล้ว แม้สองฝั่งแบ่งแยกดินแดนออกจากกันมานานกว่า 70 ปี กิมจิก็ทำหน้าที่องค์เชื่อมความเป็นเกาหลีไว้ด้วยกัน และยังคงบทบาทเป็นอัตลักษณ์แห่งชาติตลอดไป...

...

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ