เมื่อเร็วๆนี้นักวิจัยจากศูนย์การแพทย์แห่งมหาวิทยาลัยฮาดาชาห์-ฮีบรู ในกรุงเยรูซาเลม ประเทศอิสราเอล เผยว่า การออกจากบ้านทุกวันเพื่อทำกิจกรรมที่เรียบง่าย อาจช่วยผลักดันให้คนเรามีส่วนร่วมกับการขับเคลื่อนไปของโลก ซึ่งน่าจะเป็นผลดีสำหรับผู้สูงอายุ จากผลการวิจัยใหม่ๆในอิสราเอลเผยว่า ผู้สูงวัยที่ออกไปทำกิจกรรมนอกบ้านเป็นประจำ หรือแค่ออกไปนั่งตามม้านั่งในสวนสาธารณะอาจมีชีวิตอยู่ยืนยาวขึ้น

จากการศึกษาพฤติกรรมของผู้สูงวัยจำนวน 3,375 รายในหลายช่วงอายุคือ 70, 78, 85 และ 90 ปี พร้อมกับพิจารณาความถี่ที่พวกเขาออกจากบ้าน และให้ตอบคำถามเกี่ยวกับวิธีที่พวกเขามักจะออกไปจากนิวาสสถาน โดยแบ่งออกเป็น 3 กลุ่มคือ กลุ่มแรกออกบ่อย 6-7 วันต่อสัปดาห์ กลุ่มที่ 2 ออกประมาณ 2-5 ครั้งต่อสัปดาห์ และออกสัปดาห์ละ 1 ครั้ง พบว่า คนที่ออกจากบ้านไม่บ่อยมักจะเป็นเพศชาย จะมีการเรียนรู้น้อยลงและมีอัตราความเหงาสูงขึ้น โดยยังมีปัจจัยอื่นๆ เช่น สภาพทางการเงิน ย่ำแย่, โรคภัยไข้เจ็บรุมเร้า, มีการออกกำลังกายน้อย

นักวิจัยเผยว่า ปัจจัยทางสังคมมีความสำคัญต่อกระบวนการการชราภาพของผู้คน โดยเฉพาะผู้สูงวัยนั้นนอกจากจะได้เคลื่อนไหวร่างกายสร้างความคล่องตัว การออกไปสูดอากาศพบเห็นสังคมนอกบ้านอาจช่วยให้พวกเขามีปฏิสัมพันธ์กับโลก และเมื่อรู้สึกว่าตนเองมีส่วนร่วมทางสังคม ก็จะช่วย ปัดเป่าความเหงา ส่งผลให้เกิดความตื่นเต้นสดใสในชีวิตเพิ่มขึ้นและอาจทำให้สุขภาพดีมีอายุยืนยาว.