สมเด็จพระสันตะปาปา หรือโป๊ปฟรานซิส ประมุขแห่งคริสตจักรโรมันคาทอลิก ทรงเปิดพระทัยให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวระหว่างเสด็จกลับนครรัฐวาติกัน เมื่อวันที่ 2 ธ.ค. หลังเสร็จสิ้นการเดินสายเยือนเมียนมาและบังกลาเทศ ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นภารกิจการเดินสายเยือนต่างประเทศครั้งที่ 21 ของโป๊ปฟรานซิส ที่ถูกจับตามองว่าเป็นการเยือนเชิงการเมือง และมีความยากลำบากสูงในการวางตัว จากสถานการณ์ผู้ลี้ภัยชาวโรฮีนจาที่รัฐบาลเมียนมาและบังกลาเทศ มีจุดยืนแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง

ทั้งนี้ โป๊ปฟรานซิสทรงเปิดเผยว่า ที่กรุงธากา บังกลาเทศ ก่อนที่พระองค์จะเสด็จกลับนครวาติกันนั้น พระองค์ได้พบปะกับกลุ่มชาวโรฮีนจาที่ทางการบังกลาเทศพามาจากค่ายผู้ลี้ภัย ทางตอนใต้กรุงธากา ซึ่งหลังจากได้รับฟังเรื่องราว พระองค์ถึงกลับกลั้นน้ำตาไม่อยู่ ทรงพระกันแสงออกมาไปพร้อมๆกับกลุ่มผู้ลี้ภัยโรฮีนจา และขอให้ผู้ลี้ภัยให้อภัยแก่กลุ่มคนที่ก่อความยากลำบากแก่ชาวโรฮีนจา ซึ่งเป็นครั้งแรกที่พระองค์ทรงใช้คำว่าโรฮีนจาต่อหน้าสาธารณชน โป๊ปฟรานซิสยังยอมรับว่า พระองค์ทรงไม่พอพระทัยเล็กน้อย เพราะพบว่าเจ้าหน้าที่บังกลาเทศ เตรียมไล่กลุ่มชาวโรฮีนจาออกไปทันที หลังพบปะกับพระองค์

จากนั้นโป๊ปฟรานซิสยังทรงเปิดพระทัยเรื่องการเข้าหารือกับตัวแทนรัฐบาลเมียนมาว่า ตอนแรกพระองค์มีกำหนดเข้าพบตัวแทนรัฐบาล แต่ทางกองทัพเมียนมาได้เปลี่ยนกำหนดการกะทันหัน ให้พระองค์พบกับคณะผู้บัญชาการกองทัพก่อน ซึ่งพระองค์ทรงระบุว่า การหารือกับคณะทหารเมียนมา เป็นการสนทนาที่ดี นำความจริงมาพูดกัน และพระองค์เก็บไว้ในใจมาตั้งแต่ก่อนเดินทางเยือนแล้วว่า หากพระองค์พูดคำๆนั้นออกไปในถ้อยคำแถลงอย่างเป็นทางการ ก็อาจถูกทางเมียนมาปิดประตูใส่หน้า ไม่ต้องหารืออะไรกันอีก

เมื่อผู้สื่อข่าวถามว่า ในการหารือส่วนตัวกับกองทัพ โป๊ปฟรานซิสตรัสคำว่าโรฮีนจาหรือไม่ ทำให้พระองค์ทรงเผยว่า ใช้คำพูดบางคำเพื่อสร้างโอกาสในการสนทนา และเมื่อโอกาสนั้นมาถึง พระองค์จึงตรัสเรื่องที่ต้องการจะพูดทั้งหมด จากนั้นโป๊ปฟรานซิสแย้มสรวลอย่างมีเลศนัย ก่อนตรัสเป็นภาษาละตินว่า “อินเทลลิเจนติ ปัวกา” ซึ่งมีความหมายว่า “คำพูดไม่กี่คำก็เพียงพอแล้วสำหรับคนที่มีความเข้าใจ” ซึ่งสำนักข่าวรอยเตอร์ระบุว่า อาจเป็นไปได้ว่าโป๊ปฟรานซิสใช้คำที่กองทัพเมียนมาไม่ชอบระหว่างการหารือส่วนตัว นอกจากนี้ โป๊ปฟรานซิส ยังตรัสถึงสถานการณ์ความมั่นคงโลกในเชิงว่าผู้นำโลกบางคน มีความคิดไม่สมเหตุสมผลเกี่ยวกับอาวุธนิวเคลียร์.

...