หนุ่มสาวชาวเกย์ในจีนต่างมองว่า “ไท่กว๋อ” หรือ “ประเทศไทย” ของเรานี่เป็นดินแดนที่มีบรรยากาศของความรีแลกซ์และอิสระ เสรีเหนืออื่นใด อย่าง มร.จี้ เฉิงเฟิง พ่อค้าชาวจีนจากกรุงปักกิ่ง อายุ 37 ปี ซึ่งเดินทางมาเที่ยวภูเก็ต หนึ่งในแหล่งท่องเที่ยวยอดนิยมของตัวเอง เผยว่า “ผมมีเพื่อนมากมายในจีนที่รู้สึกไม่ปลอดภัย และรู้สึกว่าต้องหลบๆซ่อนๆ แต่ในเมืองไทย พวกเขาไม่ต้องวอรี่อะไรเลย”

แหล่งข่าวอีกรายที่ไม่ขอเปิดเผยชื่ออาชีพพัฒนาโปรแกรมเว็บไซต์จากนครเซี่ยงไฮ้ถึงขนาดบอกว่า “อยากหาที่อยู่ในเมืองไทย เพราะทั้งสนุกและเปิดกว้าง ผู้ชายจับมือกันได้ และไม่มีใครสนใจด้วย ถ้าในจีนถือว่าเป็นเรื่องใหญ่ คนที่มองจะถ่ายรูปคุณไว้”

อย่างที่เห็นๆกันว่า จีนส่งประชากรตัวเองมาเที่ยวไทยมากกว่าไปประเทศอื่น ด้วยเหตุผลทั้งค่าตั๋วบินถูกและไม่ต้องใช้วีซ่า เฉพาะปีนี้ก็มีนักท่องเที่ยวจีนแล้ว 6.6 ล้านคน กระโดดขึ้นมาจากเมื่อ 5 ปีก่อนที่มีจำนวนทั้งสิ้น 2.7 ล้านคน เทียบกับชาวอเมริกันไม่ถึง 700,000 คน และชาวฝรั่งเศสอีก 500,000 คนเศษๆ

ทำให้เมืองไทยมีบริษัทที่เปิดบริการให้กับนักท่องเที่ยวชาวเกย์เกือบ 12 แห่ง

นั่นเพราะ...ศักยภาพเชิงเศรษฐกิจของนักเดินทางกลุ่ม LGBTQ กำลังเป็นที่จับตามองเป็นพิเศษสำหรับผู้ประกอบการท่องเที่ยวทั่วโลก เพราะความต้องการ ความเชื่อ ความชอบ แตกต่าง จากกลุ่มทั่วๆไป อีกทั้งเป็นกลุ่มที่มีรายได้มากพอ การศึกษาดี กำลังซื้อสูง นิยมบริโภคสินค้าหรือบริการชั้นดีถึงดีเลิศ ประกอบกับสามารถเดินทางนอกฤดูกาลท่องเที่ยวได้

อย่างประชากรกลุ่ม LGBTQ จีนครอง “ตลาดสีชมพู” เป็นอันดับ 3 ของโลก ตามหลังยุโรปและสหรัฐฯ เห็นได้ช่วง 2-3 ปีที่ผ่านมา การต่อสู้เรียกร้อง ก.ม.สมรสเกย์จนหลายประเทศผ่าน ก็เลยเข้าทางการท่องเที่ยว “อ้า” รับให้เป็นหมุดหมาย “แต่งงาน” & “ฮันนีมูน”

...

ถือเป็น “ขุมสมบัติ” ที่ขุดให้ดีและให้เป็นแล้วมีแต่ “ได้” กับ “ได้” จำนวนมูลค่ามหาศาลจริงๆ...

ฤทัยรัช จันทร์เพ็ญ