ผมรู้จักเจ้าของบริษัททัวร์ของรัสเซียคนหนึ่งตั้งแต่แกยังเป็นหนุ่ม ตั้งแต่ยังตั้งโต๊ะขายตั๋วรถไฟเพียงตัวเดียว เวลาผ่านไป 25 ปี แกกลายเป็นมหาเศรษฐีคนหนึ่งของรัสเซียซะแล้ว

เจ้าของบริษัททัวร์รัสเซียคนที่ว่าส่งนักท่องเที่ยวยุโรปตะวันออกให้เมืองไทยปีละหลายหมื่นคน ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวสัญชาติรัสเซียก็ไม่มีปัญหาอะไรมากดอกครับ เพราะวิสัยทัศน์อันดีเยี่ยมของกระทรวงการต่างประเทศไทยช่วยให้นักท่องเที่ยวรัสเซียมาเมืองไทยได้โดยไม่ต้องมีวีซ่า

ทว่า ความยุ่งยากอยู่ที่นักท่องเที่ยวชาวเบลารุส มอลโดวา อาเซอร์ไบจาน ทาจิกิสถาน และผู้คนจากประเทศอื่นที่ไปทำงานในรัสเซีย เมื่อจะมาเที่ยวเมืองไทยก็ยังต้องใช้วีซ่า ทว่าช่วงที่ผ่านมา ทราบวีซ่าออกช้ากว่าปกติ ทำให้เกิดความโกลาหลอลหม่านไม่เฉพาะกับนักท่องเที่ยวของบริษัทใดบริษัทหนึ่ง แต่เกิดขึ้นกับทุกบริษัท

เมื่อลูกค้าจ่ายเงินจองบริการจากบริษัททัวร์ บริษัทก็ต้องจ่ายเงินจองโรงแรมและบริการอื่นๆล่วงหน้า ถ้าวีซ่าไม่ออก หรือออกไม่ทัน เงินที่จ่ายมัดจำไปแล้วก็จะสูญเปล่า ต่อไปบริษัททัวร์ก็จะแขยงแขงขนในการส่งนักท่องเที่ยวมาเมืองไทย

สองสัปดาห์ที่แล้ว แผนกวีซ่าของบริษัททัวร์รัสเซียแห่งหนึ่งเล่าว่า ทางกงสุลไทยที่มอสโกไม่สามารถรับพาสปอร์ตได้ทั้งหมด เนื่องจากเจ้าหน้าที่ไม่พอ จึงขอรับเพียงครึ่งหนึ่งของที่เคยรับ แต่ก็ไม่ได้แจ้งว่าเมื่อใดท่านจึงจะรับพาสปอร์ตได้ตามปกติ

ทราบว่าพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวค้างอยู่ตามบริษัททัวร์แทบทุกแห่ง ณ วันจันทร์ที่ 27 พฤศจิกายน 2560 มีพาสปอร์ตของนักท่องเที่ยวตกค้างอยู่ที่แผนกวีซ่าของบริษัททัวร์แห่งหนึ่งมากถึง 571 เล่ม

สาธารณรัฐเบลารุสมีกงสุลกิตติมศักดิ์ แต่เป็นกงสุลที่ไม่มีอำนาจออกวีซ่า เมื่อก่อนนักท่องเที่ยวยังไปขอวีซ่าได้จากกงสุลกิตติมศักดิ์ในกรุงคีฟของอูเครน หรือกรุงมอสโกของรัสเซีย แต่ตอนนี้ ต้องมาขอที่กรุงมอสโกอย่างเดียว ความยุ่งยากจึงเกิด

...

บริษัททัวร์ของรัสเซียหลายแห่งบอกว่า อยากให้ไทยมีกงสุลกิตติมศักดิ์ที่เมืองโนโวซีบีสค์ เพราะโนโวซีบีสค์เป็นศูนย์กลางอุตสาหกรรมผลิตอุปกรณ์การทำเหมืองแร่ แท่นอัดไฮดรอลิก เคมีภัณฑ์ เหล็กกล้า เป็นศูนย์กลางการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ มีชาวต่างชาติที่มาทำงานที่เมืองทางแถบนี้เยอะ ซึ่งพอถึงฤดูหนาวก็อยากหนีหนาวมารับแสงอาทิตย์ที่เมืองไทย แต่เพราะเมืองนี้อยู่ทางตอนใต้ของรัสเซีย ไกลจากกรุงมอสโกมาก การไปทำวีซ่าที่กรุงมอสโกจึงลำบาก

ไทยโชคดีกว่าประเทศอื่นตรงที่เรามีสถานทูตและ ททท.ส่งเสริมการท่องเที่ยวกันอย่างมุ่งมั่น จนคาดกันว่าปีนี้ นักท่องเที่ยวน่าจะเข้าไทยมากถึง 32 ล้าน ถ้านักท่องเที่ยวมากขนาดนั้น รายได้จากการท่องเที่ยวจะเป็นสัดส่วนมากถึงร้อยละ 20 ของจีดีพี

มีบางคนคาดการว่า ในอีก 10 ปีข้างหน้า นักท่องเที่ยวจะเข้ามาเมืองไทยมากถึง 60 ล้านคน ถึงวันนั้น การท่องเที่ยวก็คือหม้อข้าวใบที่ใหญ่มากของเรา

คนไทยต้องขอบคุณสถานทูตไทย หน่วยงานราชการ และภาคเอกชนทุกแห่ง ผมไปประเทศไหน ใครๆก็ชมเราเรื่องการท่องเที่ยว บางทีมีปัญหาเล็กๆน้อยๆเกิดขึ้น เราก็ต้องรีบช่วยกันบอกกล่าวและช่วยกันแก้ไขคนละไม้คนละมือ มนุษย์เรานะครับ เวลา 1 วันมีเพียง 24 ชั่วโมง จะให้มานั่งประทับวีซ่ากันทั้ง 24 ชั่วโมงก็คงไม่ได้ ทางที่ดีก็คือ เราอาจจะเพิ่มคนทำงาน ถ้า 2 คนยังทำไม่ทัน ก็เพิ่มเป็น 3 คน 4 คน

ขอฝากไว้หน่อยหนึ่งครับ ว่าเราอย่าต้องการ “จำนวน” นักท่องเที่ยวกันมากซะจนลืมเรื่อง 1.อาชญากรรมข้ามชาติ การค้ามนุษย์และการก่อการร้าย และ 2.การพัฒนาให้การท่องเที่ยวซึ่งเป็นหม้อข้าวใบใหญ่ที่สุดของเราเป็นการท่องเที่ยวอย่างยั่งยืน ไม่ใช่เป็นการท่องเที่ยวที่ได้ไม่คุ้มเสีย การท่องเที่ยวที่นายทุน “ได้” แต่ประชาชนคนรากหญ้าทั่วไป “เสีย”

นักท่องเที่ยวที่เข้ามาบ้านเราปีละหลายสิบล้านคนนี่ ถ้ามีพวกที่จะเข้ามาประกอบอาชญากรรม มีส่วนเกี่ยวกับการค้ามนุษย์ หรือเป็นสมาชิกของกลุ่มการก่อการร้าย เพียงร้อยละ 1-2 ผมว่าเราก็ปวดหัวแล้ว ทางแก้ก็คือ เราต้องมีหน่วยข่าวที่คอยตรวจสอบคนที่จะเข้ามาอย่างมีประสิทธิภาพด้วยครับ.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com