มีแผ่นโฆษณา “ของแท้” ที่พิมพ์โดยรัฐบาลโซเวียตตั้งแต่ ค.ศ.1925-1985 หลายสิบแผ่นที่อยู่ในความครอบครองของ บจก.มิ่งรุจิราลัย นักประวัติศาสตร์ที่ได้เห็นต่างก็บอกว่าสิ่งที่มีค่าทางประวัติศาสตร์เหล่านี้ น่าจะอยู่ในพิพิธภัณฑ์มากกว่า

แผ่นโฆษณาทำให้เราทราบว่า โซเวียตสร้างนักวิทยาศาสตร์ที่เก่งด้านอวกาศจนเอาชนะสหรัฐฯได้อย่างไรในยุคนั้น

1 ในแผ่นโฆษณา รัฐบาลโซเวียตชักชวนให้นักเรียนเรียนวิชาร้องเพลง ดนตรี และวาดรูป บอกว่าวิชาพวกนี้จะช่วยยกระดับวัฒนธรรม ในโฆษณาแผ่นนี้ รัฐบาลโซเวียตใส่รูปของปีเตอร์ อิลิช ไชคอฟสกี้ คีตกวี, ฟีโอดอร์ อีวาโนวิช ชาเลียปิน นักร้องโอเปร่า และอีลิยา เรียปิน นักวาดภาพ ซึ่งทั้ง 3 ท่านเป็นบุคคลที่มีชื่อเสียงเป็นที่รู้จักกันทั่วโซเวียต

มีรูปวาดนักเรียนกำลังถือสมุด มีตัวอักษรว่าวิชาร้องเพลง ดนตรี และวาดรูป จากนั้นก็มีตัวเลข 5 ซึ่งในยุคโซเวียต คะแนนสูงสุดของการศึกษาคือ 5 จากแผ่นโฆษณาที่รัฐบาลสั่งให้พิมพ์ และติดไว้ในโรงเรียนทั่วสหภาพ ทำให้เราสนใจว่าอะไรอยู่เบื้องหลังคำสั่งการ เมื่อค้นไปก็พบงานวิจัยในสมัยนั้นว่า ถ้าจะให้มนุษย์สร้างนวัตกรรม จะใช้ความรู้แต่เพียงอย่างเดียวไม่ได้ แต่ต้องใช้จินตนาการขั้นสูง และจินตนาการขั้นสูงที่ว่านั้น เป็นผลผลิตของวิชาร้องเพลง ดนตรี และวาดรูป

สามวิชานี่แหละครับ ที่ทำให้โซเวียตในยุคนั้นชนะสหรัฐฯด้านอวกาศ ภายหลังสหรัฐฯจึงปรับปรุงระบบการศึกษาเพื่อให้เยาวชนคนอเมริกันมีจินตนาการ เพื่อสร้าง invention ที่ไม่ใช่ แต่มีการค้นพบแบบ discovery เพียงอย่างเดียว

ปัจจุบัน โลกเลิกเคารพนับถือกันที่ชาติตระกูล แต่หันมานับถือกันที่ผลงานที่ช่วยให้โลกขยับไปข้างหน้า หนึ่งในบุคคลที่โลกถือว่ามีจินตนาการสูงและสามารถนำจินตนาการเหล่านั้นมาสร้างนวัตกรรมใหม่ๆ ได้ก็คือ อีลอน มัสก์ ซึ่งขณะนี้หลายคนถือว่ามัสก์เป็นผู้มีสติปัญญาเทียบเท่าโธมัส เอดิสัน เฮนรี ฟอร์ด โฮเวิร์ด ฮิวส์ สตีฟ จ๊อบ ฯลฯ

...

ปู่ย่าของมัสก์เป็นคนแคนาดาที่ขับเครื่องบินด้วยตัวเอง พาลูกๆบินจากแคนาดาไปลงประเทศต่างๆ และในบั้นปลายท้ายที่สุด ก็ไปจอดและลงหลักปักฐานตั้งรกรากอยู่ในสาธารณรัฐ แอฟริกาใต้ มัสก์เล่าว่า ตอนเด็ก ตัวเองชอบอ่านหนังสือมาก สามารถอ่านหนังสือได้อย่างต่อเนื่องถึง 10 ชั่วโมงในช่วงวันหยุด ตอนที่ยังอยู่ในชั้นประถม มัสก์ไปห้องสมุดตั้งแต่บ่ายสองโมงครึ่ง และอยู่ที่นั่นจนห้องสมุดปิดทำการตอนหกโมงเย็น

สิ่งที่ช่วยสร้างจินตนาการให้มัสก์เป็นหนังสือประเภทนวนิยายเกี่ยวกับอวกาศ การเดินทางไปอวกาศ นวนิยายวิทยาศาสตร์ที่พูด ถึงโลกในอนาคต การอ่านหนังสือพวกนี้ทำให้พวกเพื่อนๆมองว่ามัสก์เป็นนักฝัน ตอนที่โตแล้วและประสบความสำเร็จในงานด้านต่างๆ รวมทั้งด้านธุรกิจ มัสก์ก็ยังฝันถึงโครงการจรวดโคจรในอวกาศ การเดินทางไปดาวอังคาร การที่รถยนต์ในอนาคตไม่ต้องใช้น้ำมัน ใช้แต่ไฟฟ้าเพียงอย่างเดียว

มัสก์เพิ่งไปพูดที่การประชุมการบินอวกาศนานาชาติที่ออสเตรเลีย ว่า มนุษย์สามารถจะเดินทางจากที่หนึ่งไปยังที่ใดๆในโลกภายในเวลาไม่กี่นาที การเดินทางจากนครนิวยอร์กไปยังนครซ่างไห่นั้น จะใช้ เวลาเพียง 40 นาทีเท่านั้นด้วยจรวดบีเอฟอาร์

มัสก์มีแผนจะพาคนไปดาวอังคารให้ได้ภายใน ค.ศ.2024 และจะเริ่มลงมือสร้างระบบขนส่งเพื่อทำภารกิจนี้ใน ค.ศ.2018

ตอนนี้มัสก์เปิดบริษัทพัฒนาเทคนิคเชื่อมสมองคนกับคอมพิวเตอร์ และมัสก์ประสบความสำเร็จในการส่งจรวดที่ใช้แล้วขึ้นสู่ อวกาศตามที่เคยประกาศไว้

จินตนาการช่วยให้มัสก์สร้างนวัตกรรมใหม่ๆให้โลก

ประเทศที่ถูกบังคับให้มียุทธศาสตร์หยุดโลก 20 ปี หรือออกกฎหมายรัดสมอง และบีบจินตนาการมนุษย์ ประเทศนั้นจะเป็นสมาชิกบนโลกนี้ได้อีกต่อไปไม่นาน

มนุษย์เผ่าพันธุ์ดั้งเดิมที่ถูกยุทธศาสตร์แช่แข็งจะหายไป

มนุษย์เผ่าพันธุ์ใหม่ที่ทันสมัยและมีจินตนาการสูงกว่า มีนวัตกรรมดีกว่า จะเข้ามาครอบครองแผ่นดินของมนุษย์ที่ถูกบีบรัดสมองไม่ให้คิดอะไรได้ด้วยตนเองเหล่านั้น.

นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com