สำนักข่าว เอพี เจ้าเก่าอ้างว่า บอส อยู่วิทยา ผู้ต้องหาขับรถชนตำรวจจนเสียชีวิตเมื่อ 5 ปีก่อน เคยไปอยู่ไต้หวันพักหนึ่งเมื่อราว 3 เดือนก่อน จากนั้นจึงหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย ขณะที่อายุความคดีของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว...
สำนักข่าวต่างประเทศเกาะติดคดีของนายวรยุทธ อยู่วิทยา หรือ ‘บอส’ ผู้ต้องหาคดีขับรถสปอร์ตหรู เฟอร์รารี ชน ดาบตำรวจตรี วิเชียร กลั่นประเสริฐ อายุ 47 ปี ผู้บังคับหมู่งานปราบปราม สน.ทองหล่อ เสียชีวิต บริเวณถนนสุขุมวิท ตั้งแต่ปี 2555 และปัจจุบันกำลังหลบหนีอย่างไร้ร่องรอยอยู่ในต่างประเทศ ขณะที่อายุความของคดีของเขาใกล้จะหมดลงแล้ว
ก่อนหน้านี้ไม่นาน สำนักข่าว เอพี ได้ยืนยันว่า สถานที่สุดท้ายที่มีการพบเห็นตัวของนายวรยุทธ คือบนเกาะไต้หวัน โดยแหล่งข่าวที่ใกล้ชิดกับการสืบสวนคดีนี้ 2 คนซึ่งไม่ขอเปิดเผยนามระบุว่า นายวรยุทธ เดินทางจากประเทศสิงคโปร์ ที่เขาหลบหนีไปอยู่ โดยเบี้ยวนัดไม่ขึ้นศาลในกรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 27 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อฟังคำสั่งคดีขับรถชนตำรวจเสียชีวิต
แหล่งข่าวบอกกับ เอพีว่า นายวรยุทธอาศัยอยู่ในโรงแรมหรูแห่งหนึ่งในกรุงไทเป เมืองหลวงของไต้หวัน ก่อนจะเดินทางออกจากเกาะแห่งนี้เมื่อวันที่ 3 พ.ค. และหายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยนับแต่นั้นเป็นต้นมา
ในขณะเดียวกัน ข้อกล่าวหาเรื่องการชนแล้วหนีของนายวรยุทธ์ จะหมดอายุความในวันอาทิตย์ที่ 3 ก.ย. นี้แล้ว และจะทำให้เหลือเพียงคดีเดียวที่นายวรยุทธตกเป็นผู้ต้องหาอยู่คือ ขับรถโดยประมาททำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย ซึ่งพิสูจน์ความผิดยากกว่าข้อหาชนแล้วหนีมาก
ทั้งนี้ ที่ผ่านมานายวรยุทธ มอบอำนาจทนายความขอเลื่อนเข้าพบศาลอย่างน้อย 4 ครั้ง ด้วยเหตุผลต่างๆ นานา ขณะที่สำนักข่าว เอพี รายงานเกาะติดความเคลื่อนไหวของนายวรยุทธ โดยอ้างว่า หลายสัปดาห์ต่อมา หลังเกิดอุบัติเหตุ นายวรยุทธ ซึ่งขณะนั้น อายุ 27 ปี ยังคงกลับไปสนุกสนานกับการใช้ชีวิตหรูหรา รวมทั้งเดินทางไปทั่วโลกด้วยเครื่องบินเจ็ตส่วนตัวทำให้คดีของเขากลายเป็นอีกหนึ่งคดีที่แสดงให้เห็นถึงการมีอภิสิทธิ์ของคนฐานะร่ำรวยในไทย
...
เมื่อเดือนพ.ค. ทางการไทยได้ดำเนินการเพิกถอนหนังสือเดินทางของนายวรยุทธแล้ว และได้ยื่นคำร้องต่อ องค์การตำรวจอาชญากรรมระหว่างประเทศ (ตำรวจสากล/อินเทอร์โพล) ให้ออก ‘หมายแดง’ แจ้งประเทศสมาชิกให้ตามจับตัวนายวรยุทธ อย่างไรก็ตาม อินเทอร์โพลเพิ่งออกหมายแดงเมื่อช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมาเท่านั้นเอง และยังไม่มีการโพสต์หมายแดงลงบนเว็บไซต์สาธารณะของพวกเขา ซึ่งโฆษกอินเทอร์โพลชี้แจงว่า พวกเขาจะไม่โพสต์หมายแดงบนเว็บไซต์สาธารณะก็ต่อเมื่อ ประเทศที่ร้องขอ ขอให้ไม่เผยแพร่เท่านั้น