เสียงฮึ่มฮั่มที่จะเล่นงานรัฐบาลเมียนมาดังมาจากทั่วทุกสารทิศแล้วครับ มีลางสังหรณ์ว่ารัฐบาลเมียนมาอาจจะโดนคดี Crime of Genocide หรืออาชญากรรมอันเป็นการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ นอกจากนั้น ยังอาจจะพ่วงด้วยคดี Crime against Humanity ที่หมายถึงอาชญากรรมต่อมนุษยชาติ อีกด้วย
ขณะนี้ คณะมนตรีความมั่นคงแห่งสหประชาชาติเตรียมประชุมฉุกเฉินเกี่ยวกับสถานการณ์สู้รบในรัฐยะไข่ ตามการเรียกร้องของสหราชอาณาจักรที่ต้องการให้คณะมนตรีความมั่นคงฯ หารือเป็นวาระฉุกเฉินเรื่องการสู้รบระหว่างกองทัพเมียนมากับกองทัพกอบกู้โรฮิงญาแห่งอาระกัน ซึ่งตอนนี้ก็มีคนตายไปแล้วมากกว่า 100 คน
ชาวโรฮิงญานับหมื่นพยายามลี้ภัยข้ามพรมแดนจากเมียนมาไปยังบังกลาเทศซึ่งเป็นประเทศที่ผู้คนส่วนใหญ่นับถือศาสนาอิสลามเหมือนกัน และพื้นเพภูมิหลังดั้งเดิมของโรฮิงญาก็มาจากบังกลาเทศเช่นเดียวกัน
ทว่าอนิจจาน่าเศร้า กองกำลังตระเวนชายแดนบังกลาเทศไม่ให้โรฮิงญาเหยียบแผ่นดินของตน แถมยังผลักดันให้โรฮิงญาข้ามแม่น้ำนาฟกลับไปยังดินแดนเมียนมาอีก
คนที่หยิบกรณีโรฮิงญามาหาคะแนนใส่ตัวได้แรงที่สุดในตอนนี้ ก็คือ นายเรเจป ตอยยิบ แอร์โดกัน ประธานาธิบดีตุรกี ที่ออกมาพูดเมื่อ 28 สิงหาคม 2560 ในวาระที่แกดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีมาครบ 3 ปีว่า....
“ประชาคมโลกหูหนวกตาบอดต่อสิ่งที่เกิดขึ้นในเมียนมา เราขอประณามสิ่งที่เกิดขึ้นด้วยถ้อยคำที่รุนแรงที่สุด เราจะติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิดผ่านองค์กรระหว่างประเทศ รวมถึงสหประชาชาติด้วย เราอยากเห็นมนุษยชาติให้ความช่วยเหลือโรฮิงญาเหล่านี้”
หลังจากประธานาธิบดีแอร์โดกันออกมาตะโกนก้องร้องสั่งให้โลกช่วยมุสลิมโรฮิงญา ก็มีเสียงเรียกร้องให้ตุรกีซึ่งเป็นประเทศอิสลามเช่นเดียวกัน รับโรฮิงญาเหล่านี้เข้าไปอยู่ในแผ่นดินตุรกี แต่ถึงตอนที่ผม กำลังนั่งเขียนคอลัมน์อยู่นี่ ก็ยังไม่มีเสียงตอบจากแอร์โดกันว่า แกจะรับโรฮิงญาเข้าตุรกีหรือไม่ ถ้ารับรับจำนวนเท่าใด และจะเริ่มรับเมื่อใด
...
หรือแอร์โดกันตะโกนออกมาตะโกนเพื่อเอาความดีใส่ตัว เอาความชั่วโยนใส่เพื่อน
รัฐบาลเมียนมาก็สู้องค์กรโลกยิบตา เมื่อฆ่ากองทัพกอบกู้โรฮิงญาแห่งอาระกันได้ ทหารเมียนมาก็เข้าไปค้นค่าย พบถุงใส่ขนมปังกรอบที่มีสัญลักษณ์ดับเบิลยูเอฟพีหรือโครงการอาหารโลก ซึ่งเป็นหน่วยงานอาหารที่อยู่ภายใต้การกำกับดูแลของสหประชาชาติ
การพบความเชื่อมโยงนี้ ทำให้พวกที่มาจากสหประชาชาติและองค์กรระหว่างประเทศที่ไปตั้งสำนักงานอยู่ในรัฐยะไข่หนาว และเริ่มขออพยพออกมาจากรัฐยะไข่กันเป็นแถว โดยให้เหตุผลว่า ไม่เชื่อว่าฝ่ายความมั่นคงของเมียนมาจะให้ความปลอดภัยพวกตนได้
รัฐบาลเมียนมาตอนนี้ก็ประกาศออกมาแล้วครับว่า กองทัพกอบกู้โรฮิงญาแห่งอาระกัน หรืออาร์ซา มีความ “เชื่อมโยง” กับองค์กรระหว่างประเทศหลายแห่ง นางซูจีเองก็ออกแถลงการณ์ว่า กลุ่มก่อการร้ายชาวเบงกาลีใช้เด็กเป็นโล่มนุษย์ และจุดไฟทำลายบ้านเรือนประชาชนในพื้นที่
ข่าวล่ามาเร็วบอกว่า พวกอาร์ซาโจมตีจุดตรวจของรัฐบาลเมียนมาไปแล้วมากกว่า 30 แห่ง และประกาศว่าจะโจมตีใหญ่อีกหลายระลอก สถานการณ์แรงขึ้นเรื่อยๆ
ที่เรียนรับใช้ในย่อหน้าแรกว่า รัฐบาลเมียนมาอาจจะโดนข้อหาก่ออาชญากรรมอันเป็นการทำลายล้างเผ่าพันธุ์ เพราะมีคนเริ่มตีความว่า รัฐบาลเมียนมาเข้าข่ายมีการกระทำที่มีเจตนาที่จะทำลายทั้งกลุ่มหรือบางส่วนของชนชาติ เชื้อชาติ หรือกลุ่มศาสนาโดยการฆ่า การทำร้ายร่างกายหรือจิตใจ การทำให้ชีวิตความเป็นอยู่ยากลำบาก การใช้มาตรการห้ามการเกิด หรือการบังคับย้ายโอนเด็กของกลุ่มหนึ่งไปยังอีกกลุ่มหนึ่ง
และที่ว่าเมียนมาอาจจะโดนข้อหาอาชญากรรมต่อมนุษยชาติก็เพราะว่า มีการกระทำที่เข้าข่ายประสงค์ต่อกลุ่มพลเรือนด้วยการฆ่า การกำจัด การทำให้เป็นทาส การเนรเทศ การบังคับย้ายโอนประชาชน การจำคุก การทรมาน การข่มขืน การทำให้เป็นทาสทางเพศ การบังคับให้ตั้งครรภ์ การดำเนินคดีกลุ่มบนมูลฐานทางการเมือง เชื้อชาติ วัฒนธรรม ศาสนา เพศ การบังคับให้คนสูญหาย และการแบ่งผิว
รวมทั้งมีการตัดสิทธิที่จะได้อาหารและยา
โดยมุ่งการทำลายล้างกลุ่มประชาชน.
นิติการุณย์ มิ่งรุจิราลัย
songlok1997@gmail.com